นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ร่วมด้วย นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการฯ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน แถลงข่าวมาตรการแนวปฏิบัติร่วมกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

โดนนายวิรไทชี้ว่า ธปท. ได้เริ่มโครงการช่วยเหลือลูกหนี้มาแล้วตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา และในช่วง 2 สัปดาห์แรก มีลูกหน้ีประมาณ 30,000 ราย หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 234,000 ล้านบาท ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ขณะที่อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ตัวเลขยอดการช่วยเหลือก็เพิ่มขึ้นเป็น 310,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 156,000 ราย 

อย่างไรก็ตาม ธปท. เห็นว่ายังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ และอาจเกิดความกังวลกับงวดการชำระหนี้ที่ใกล้เข้ามา จึงออกมาตรการให้เป็นมาตรฐานโดยทั่วกัน

มาตรการช่วยมีดังนี้

• 1. สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ลูกหนี้จะได้รับอัตราผ่อนการชำระขั้นต่ำจากเดิมร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 5 ตลอดทั้งปี 2563 - 2564 และยอดชำระขั้นต่ำจะปรับขึ้นมาเป็นร้อยละ 8 ในปี 2565 และกลับมาเป็นร้อยละ 10 ในปี 2566 นอกจากหนี้ ลูกหนี้ยังสามารถเปลี่ยนสินเชื่อบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อบุคคลระยะยาวที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าได้
• 2. สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล (ชำระเป็นงวด) และสินเชื่อจำนำทะเบียรถ ลูกหนี้ที่เป็นหนี้กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI) สามารถเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนลูกหนี้ที่เป็นหนี้กับผู้ให้บริการอื่นๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยออกไป 3 เดือน หรือ ลดค่างวดอย่างน้อยร้อยละ 30 ของค่างวดเดิมเป็นระยะเวลา 6 เดือน
• 3. สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ รถมอร์เตอร์ไซค์ที่วงเงินไม่เกิน 35,000 บาท และรถทุกประเภทที่วงเงินไม่เกิน 250,000 บาท รวมไปถึงลีสซิ่งที่มีมูลค่าหนี้คงเหลือไม่เกิน 3,000,000 บาท ลูกหนี้สามารถเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือพักการชำระหนี้เงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน
• 4. สำหรับสินเชื่อบ้านวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ไมโครไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ที่มีวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ลูกหนี้สามาถพักชำระเงินต้น 3 เดือน และสามารถเข้ารับพิจารณาลดดอกเบี้ยแล้วแต่รายกับเจ้าของหนี้ได้

นายวิรไทย้ำว่าสำหรับมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ครั้งนี้เป็นมาตรการพื้นฐานที่จะปรับใช้กับสถานบันการเงินทั่วไป แต่ลูกหนี้ยังสามารถติดต่อสอบถามมาตรการเสริมของแต่ละสถาบันการเงินเพิ่มเติมได้อีก

พร้อมกันนี้ นายวิรไทยังชี้ว่า สำหรับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบันก็ขอให้ชำระหนี้ตามปกติ ทั้งนี้ สถาบันการเงินเจ้าของหนี้ก็ได้เตรียมข้อเสนอในการชำระหนี้ตามปกติในช่วงนี้ไว้แล้วเช่นเดียวกัน