ไม่พบผลการค้นหา
เวทีปราศรัย จ.เชียงใหม่ ‘เพื่อชาติ’ ม่วนขนาด ‘ปวิศรัฐฐ์’ งชูนโยบายเด่นเน้นการศึกษาพัฒนากีฬา สร้างความหวังใหม่ที่จับต้องได้ให้ประชาชน ‘จารุพล’ แคนดิเดตฯ เพื่อชาติ ลั่น คนชาติพันธุ์ยังรักแผ่นดินมากกว่ารัฐบาลขายชาติ เอื้อประโยชน์นายทุน

วันที่ 23 เม.ย. 2566 ที่โรงเรียนฝางชนูปถัมภ์ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อชาติ นำโดย ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ จารุพล เรืองสุวรรณ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อชาติ น.พ. เรวัต วิศรุตเวช แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อชาติ นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ พร้อมกรรมการบริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติในพื้นที่ภาคเหนือ คณาฤทธิ์ สุภาคุณ จัดเวทีปราศรัยใหญ่นำเสนอนโยบายของพรรค มีผู้ร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก

โดย ปวิศรัฐฐ์ กล่าวถึงการพัฒนาด้านการศึกษาและการกีฬาว่า จะพัฒนาทั้งด้านการศึกษาและด้านการกีฬาให้กับเด็กๆและเยาวชนของชาติเพื่อให้เด็กๆทุกคนเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพและพร้อมที่จะเป็นกำลังหลักสำคัญของประเทศ และในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อชาติขออาสานำพาสมาชิกและผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติทุกคนมารับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเพื่อทำให้ความหวังที่เคยสูญสิ้นไปแล้วของพี่น้องประชาชนกลับมาอีกครั้งหนึ่งให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต

ด้าน จารุพล ย้ำถึงเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกพรรคเพื่อชาติว่า เพราะเราเป็นคนหัวใจเดียวกันเพราะที่ผ่านมาเราถูกกดดันถูกกดทับจากการที่ผู้บริหารบ้านเมืองเอื้อประโยชน์ให้นายทุนเปิดโอกาสให้นายทุนเข้ามายึดครองผลประโยชน์ของประชาชนยึดครองภาษีของประชาชนเข้ากระเป๋าตัวเองจนร่ำรวยมหาศาลในขณะที่ประชาชนลำบากยากแค้นและถูกเหยียบย่ำจนจมดิน และผู้ที่ได้ชื่อเป็นผู้บริหารบ้านเมืองก็ยังนำผืนแผ่นดินไทยไปขายแลกเงินให้กับต่างชาติทั้งที่ปากก็บอกว่า เป็นคนรักชาติรักแผ่นดินเป็นรั้วของชาติต้องปกป้องชาติปกป้องแผ่นดินแต่กลับทำตรงกันข้ามกับที่พูดทุกอย่างแบบนี้ประชาชนเขาเรียกว่าคนขายชาติ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลุ่มพี่น้องชาติพันธ์ุที่รักหวงแหนผืนแผ่นดินนี้ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อชาติได้เข้ามามีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารบ้านเมือง พรรคเพื่อชาติจะทำให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าอยู่ในพื้นที่ไหนของผืนแผ่นดินไทยมีความเท่าเทียมกันในฐานะพลเมืองไทยที่มีสิทธิิมีเสียงอย่างเท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับเกษตรกรที่ตอนนี้อยู่อย่างลำบากยากแค้น พรรคเพื่อชาติก็มีนโยบายปฏิวัติเขียวที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทำให้เกษตรกรรมนำเศรษฐกิจทำให้เกษตรกรสามารถเป็นศูนย์กลางนำเงินเข้าประเทศได้ด้วยวัตถุดิบผลผลิตที่มีภูมิปัญญาที่เรามีเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศและจะทำให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้น