นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวถึงพรรคเก่าแก่กลายพันธุ์ไปผสมเผด็จการ ถ้าความหมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ นั่นหมายถึงการบิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งสิ้น เนื่องจากการเลือกตั้งประธานสภาฯ เป็นไปตามกระบวนรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ทุกประการ มีการลงมติถูกต้องตามการเลือกตั้งประธานสภาฯ ซึ่งเป็นไปตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมีการประชุมร่วมกับ ส.ส. เห็นสมควรเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ
นายราเมศ ระบุว่า นี่เป็นโอกาสที่สำคัญ เพราะการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต้องเริ่มต้นในฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคยึดประโยชน์ประชาชน ถ้าจะเอาไปผูกรวมกับกรณีว่าไปผสมกับเผด็จการเป็นการดูถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะสมาชิกที่เลือกเพราะความศรัทธา และตรึกตรองแล้ว เห็นควรว่าจะเป็นหลักให้ฝ่ายนิติบัญญัติ การประกาศแบบนี้ทั้งที่คุณหญิงสุดารัตน์อ้างกระบวนการทางประชาธิปไตยจะให้ความร่วมมือ แต่กลับไม่ทำตามคำพูด โดยขออย่ากล่าวหาว่าพรรคไปผสมเผด็จการ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ประชาชนและประเทศจะได้ประโยชน์
นอกจากนี้นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมากล่าวว่าพรรคมีการต่อรองแลกเปลี่ยน และกล่าวหาพรรคว่ารอบหน้าจะสูญพันธุ์ ขอเรียนว่า พรรคคิดทางการเมือง คืออาสาเป็นผู้นำทางฝ่ายนิติบัญญัติ และเมื่อวานที่ประชุมก็ชัดเจนว่าได้เลือกนายชวนเป็นประธาน
ดังนั้นจึงแนะว่าไม่ต้องห่วงเพราะพรรคมีจุดยืน มีหลักการ และมีศักดิ์ศรี การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองให้ทำหน้าที่ตรงไหนพรรคก็ทำได้ จะเป็นฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายรัฐบาล พรรคก็ทำหน้าที่ได้หมด และเชื่อว่าประชาชนและประเทศชาติจะได้ประโยชน์ไม่ว่าพรรคจะอยู่จุดใด ส่วนว่าจะสูญพันธุ์หรือไม่นั้น พรรคไม่อาจทราบได้ ขออย่าใช้นิสัยในลักษณะของการดูถูกพรรคการเมืองแบบนี้ อนาคตไม่มีใครทราบ แต่เชื่อว่าเรายึดวินาทีนี้ คือการเริ่มอาสาเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนได้เห็นว่าพรรคทำเพื่อประชาชน
ส่วนประเด็นเรื่องการเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมจัดตั้งรัฐบาล เรียนว่าขณะนี้ยังไม่มีการเทียบเชิญใดใดทั้งสิ้น ซึ่งหากมีทางพรรคจะแจ้งเอง แต่หากมีกรณีเทียบเชิญ กระบวนการต่างๆ จะไม่หยุดตรงที่เทียบเชิญ เพราะท้ายสุดคือต้องผ่านประชุมคณะกรรมการบริการพรรค และ ส.ส. พรรคที่จะออกมติร่วมกัน