เปรูเผชิญสภาวะสุญญากาศทางการเมืองจากการที่ มานูเอล เมอริโน วัย 59 ปี ประธานาธิบดีเฉพาะกาล แถลงผ่านการณ์สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ถึงการลาออกจากตำแหน่งรักษาการผู้นำเปรู เมื่อ 15 พ.ย. ผ่านมา หลังทำหน้าที่ดังกล่าวเพียง 5 วัน โดยการลาออกของเมอริโน มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังเหตุการณ์ 9 พ.ย. รัฐสภาเปรู ผ่านญัตติถอดถอด 'มาร์ติน บิซการ์รา' ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี จนส่งผลให้ประชาชนออกมาประท้วงในกรุงลิมา เมืองหลวง และเมืองสำคัญอื่นๆ จนเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย บาดเจ็บ 94 คน จากการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ในคืนวันเสาร์ ซึ่งมีรายงานใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม

เมอริโน ซึ่งเป็นอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้ผลักดันวาระการปลดบิซการ์รา กล่าวในการแถลงลาออกผ่านสถานีโทรทัศน์ว่าจะขอให้คณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ ทำหน้าที่ต่อไปในช่วงเปลี่ยนผ่าน ยอมรับว่าการลาออกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเรียกร้องสันติภาพและความเป็นหนึ่งในของชาติ

ทั้งนี้ มาร์ติน วิซการ์รา ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของเปรู ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง หลังบริหารประเทศมานาน 2 ปี จากการถูกกล่าวหาว่าคอร์รัปชัน และความล้มเหลวในการรับมือโควิด-19 ระบาด ซึ่งแม้วิซการ์รา ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ แต่เขาก็ยอมรับผลมติการถูกถอดถอน โดย มานูเอล เมอริโน ได้รับเลือกเป็นรักษาการผู้นำเมื่อ 16 พ.ย. แต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่เรียกร้องให้เขาลาออก เนื่องจากมาตรการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามประชาชนเปรูที่ออกมาชุมนุม 

หลังคำแถลงลาออกของเมอริโนไม่นาน ชาวเปรู ได้พากันออกมาแสดงความยินดีตามท้องถนน ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ รัฐสภาเปรูมีกำหนดเลือกรักษาการผู้นำเปรูคนใหม่ในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อหาผู้นำตามกระบวนการประชาธิปไตยในเดือน เม.ย. ปีหน้า

ที่มา : CNN