เมื่อันที่ 11 ก.ค. 2563 กลุ่ม CARE คิด เคลื่อนไทย ออกข้อเสนอมาตรการชุบชีวิตการท่องเที่ยว โดยระบุถึงมาตรการชุบชีวิตการท่องเที่ยวแบบ "ยิงศรอย่างมีเป้า”
1. ขอให้รัฐเร่งจัดการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐแบบทวิภาคี (Bilateral) โดยเร็วที่สุด กับกลุ่มประเทศที่ผู้ติดเชื้ออัตราต่ำ มีมาตรการควบคุมโรคที่ดีเป็น ’เป้าหมาย’ เบื้องแรก เพื่อการกำหนดมาตรการร่วมกันแบบ End to End จากสนามบินต้นทาง สู่ที่หมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างรัฐต่อรัฐ ผู้เดินทาง ผู้ประกอบการ และประชาชนในการป้องกันและควบคุมโรค เพราะจากการเจรจาจนถึงการปฏิบัติต้องใช้เวลานานนับเดือน
2. เสนอ Seemless Travel Experience โดยใช้ปัจจัยของความสำเร็จคือ การตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อด้วยหลักวิชาการทางการแพทย์ และเทคโนโลยี ที่มีความแม่นยำสูง (เช่น PCR test) และให้ผลเร็ว (ประมาณ 1 ชม.) ที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนเดินทางจากสนามบิน ทั้งนี้อาจเลือกใช้หลักการตรวจวีซ่าเชงเก้น (Schengen VISA) ของ EU ที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปลายทางอยู่ในสนามบินคู่สัญญาทำการตรวจเชื้อผู้เดินทางด้วย หากตรวจพบเชื้อก็สามารถปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศของตนได้ทันที คัดเฉพาะผู้ไม่ติดเชื้อเข้าประเทศเท่านั้น นอกจากนั้น เพื่อสร้างเป็นหลักประกันของกันและกัน ในการควบคุมการระบาด ‘ผู้ให้บริการในสถานประกอบการ’ ควรได้รับการตรวจพิสูจน์ว่าไม่ติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ เพื่อ ’ขอการรับรอง’ ได้
3. การกักตัวผู้เดินทาง 14 วัน เป็นอุปสรรคสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แม้มาตรการข้างต้นก็ลดโอกาสติดเชื้อสูงมากแล้ว หากมีความจำเป็นต้องกักตัว อาจเพิ่มมาตรการกักตัวเหลือไม่เกิน 3 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อยืนยันครั้งที่ 2 ที่เป็นหลักประกันสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้น โดยจำกัดใช้สถานที่กักตัวแบบผ่อนปรนสำหรับนักท่องเที่ยว (Alternative State Quarantine) มีความสะดวกสบายและให้บริการอาหารและบันเทิงระดับหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์และบริการอำนวยความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ เช่น teleconference ทั้งนี้นักท่องเที่ยวออกค่าบริการเอง
4. “เปิดเกาะภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจท่องเที่ยวเฉพาะ” เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ที่ทำรายได้เข้าประเทศ สี่แสนสองหมื่นล้านบาท กลุ่มผู้ประกอบการพร้อมที่จะให้ความร่วมมือการให้บริการแบบ Alternativ e State Quarantine เป็นเขตบุกเบิกฟื้นการท่องเที่ยวอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง