ไม่พบผลการค้นหา
‘รังสิมันต์’ ชี้กรณี นศท.จ.นราธิวาล ถูกฝึกโหดจนป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นปัญหาในกองทัพที่กระทบถึงอนาคตของชาติ เรียกร้องปฏิรูปกองทัพ หยุดนำชีวิตของประชาชนไปแขวนบนเส้นด้ายในค่ายทหาร

จากกรณีที่มีนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) หรือนักเรียน รด. ปี 1 ที่จังหวัดนราธิวาส ล้มป่วยหนักจนถึงกับต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ด้วยอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง ไตวายเฉียบพลัน มีภาวะกล้ามเนื้อสลาย ในจำนวนนี้มีถึง 6 คนที่ต้องฟอกไตหรือล้างไต ซึ่งปรากฏว่าสาเหตุเกิดจากการฝึก รด. โดยที่ร่างกายไม่พร้อมในสภาพอากาศที่ร้อน

วันที่ 3 ธ.ค. 2565 รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า ตนเห็นว่ารากฐานของปัญหาในกรณีนี้แทบไม่ต่างจากกรณีทหารเกณฑ์หลายๆ นายที่เสียชีวิตจากการฝึกหรือลงโทษ (ที่อาจถึงขั้นเป็นการซ้อมทรมาน) เลย นั่นคือปัญหาของความไม่โปร่งใสของกองทัพ ที่ทำให้สังคมภายนอกไม่อาจรับรู้ได้เมื่อลูกหลานญาติมิตรของพี่น้องประชาชนต้องเข้าไปในค่ายแล้ว พวกเขาได้รับการปฏิบัติจากคนของกองทัพอย่างไรบ้าง เป็นการปฏิบัติที่คำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ หรือที่แท้แล้วแอบแฝงไว้ซึ่งการใช้ความรุนแรงกันแน่

ที่ผ่านมาในกรณีทหารเกณฑ์นายต่างๆ ก็เป็นคนหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ที่ควรได้หาเลี้ยงดูแลครอบครัวแทนที่จะเอาชีวิตและร่างกายมาทิ้งในค่าย แต่ในกรณีนี้ที่เป็นนักเรียน รด. ปี 1 อายุในช่วง 15-17 ปีเท่านั้น เห็นได้เลยว่าผลกระทบมันส่งมาถึงเยาวชนที่ถือเป็นอนาคตของชาติ ยังควรได้เตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จภายภาคหน้า ไม่ใช่มาเผชิญความเป็นความตายอันไร้สาระเช่นนี้

"ผมเห็นข่าวว่าแม่ทัพภาค 4 ได้ขยับว่าจะเร่งตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมไม่เชื่อเลยว่าการตรวจสอบภายในกองทัพกันเองเงียบๆ ลับๆ แบบนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนหรือป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ซ้ำอีกได้ ยิ่งเป็นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่หน่วยงานทหารยึดกุมอำนาจมาอย่างยาวนาน ผมเกรงว่าสุดท้ายแล้วก็จะไม่มีบุคคลใด (ที่อยู่ในตำแหน่งที่มีนัยสำคัญต่อการกำหนดนโยบายเพื่อยุติการกระทำเช่นนี้) ต้องรับผิดชอบอีกเช่นเคย"

กรณีนี้เป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำว่ากองทัพจำเป็นต้องถูกปฏิรูปจริงๆ อย่างที่พรรคก้าวไกลได้นำเสนอนโยบายคุ้มครองแก่ทหารชั้นผู้น้อย (รวมถึงนักเรียน รด. ด้วย) เพื่อให้ปลอดภัยจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอย่างที่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่านักเรียน รด. ส่วนมากเลือกเข้ามาเรียนเพราะไม่อยากต้องไปเสี่ยงจับใบดำใบแดงในอนาคต นั่นทำให้ในความเป็นจริงมีนักเรียนหลายคนเข้ามาฝึกโดยร่างกายไม่พร้อมและอาจเสี่ยงอันตรายได้ หากเรายกเลิกการเกณฑ์ทหาร และรับสมัครเฉพาะผู้มีความสนใจและความพร้อมที่จะรับการฝึกจริงๆ (ซึ่งรวมถึงส่วนของ นศท. ด้วย) ก็จะลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บล้มป่วยที่ไม่ควรเกิดแบบนี้ได้เช่นกัน

"เดินหน้าปฏิรูปกองทัพเสียทีเถิดครับ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับเราเปิดช่องให้ลูกหลานญาติมิตรของพี่น้องประชาชนต้องเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้ายหลังรั้วค่ายทหารกันแบบนี้ไม่รู้จบ" รังสิมันต์ กล่าว