นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึง กรณีที่รัฐบาลมีการขยายการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.ว่า การขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจมาก หลายรายถึงกับช็อกกับมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะธุรกิจ ภาคบันเทิง รวมไปถึง ร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงแรม เพราะผลที่ตามมาคือความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ การปิดกิจการยาว 4 เดือน ไม่มีรายได้ เงินเก็บหมด อาจจะส่งผลให้หลายกิจการอาจจะล้มหายตายจากไป มีการคาดการณ์จากสภาหอการค้าไทยว่า หากคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงเดือนมิ.ย.จะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
นายจักรพล กล่าวด้วยว่า ในส่วนกรณีการฟื้นฟูภาคธุรกิจด้วยงบประมาณ 4 แสนล้านบาท เป็นเสมือนการตีเช็คเปล่าของรัฐบาล เพราะนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลสามารถทำโครงการลงพื้นที่ตัวเองได้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้รับการจัดสรรปันส่วนกันทั่ว ถึงจากเงินกู้ 4 แสนล้านบาท รวมทั้งไม่เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนได้เข้าถึงโครงการของรัฐอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงเป็นการเปิดช่องทางให้มีการทุจริตในการจัดทำโครงการจากเงินกู้ดังกล่าว
"การเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล จึงเป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมและเอาเปรียบประชาชน ทั้งๆ ที่งบประมาณดังกล่าว เป็นเงินที่ประชาชนทั้งประเทศต้องร่วมกันรับผิดชอบ แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมรับการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของประชาชน น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่คิดเยียวยาประชาชนอย่างจริงใจ บทสรุปการเยียวยาของรัฐบาล คือการหาเสียงล่วงหน้าของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น" นาย จักรพล กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :