ไม่พบผลการค้นหา
อีไล โคเฮน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลจะทำสงครามในฉนวนกาซาต่อไป "ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติหรือไม่ก็ตาม" พร้อมกันนี้ โคเฮนยังระบุอีกว่าการหยุดยิงในช่วงนี้ของความขัดแย้ง จะเป็น “ของขวัญ” ให้กับกลุ่มฮามาส และช่วยให้กลุ่มฮามาสกลับมาได้

อิสราเอลกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น หลังจากมีจำนวนพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ถูกสังหารในฉนวนกาซาเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซากำลังเลวร้ายลง ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 ธ.ค.) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติอย่างท่วมท้นเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที พร้อมกันกับการที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมากล่าวว่า อิสราเอลกำลังสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลก เนื่องจากการ "ทิ้งระเบิดตามอำเภอใจ" ในฉนวนกาซา

เมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) การสู้รบอย่างเข้มข้นยังคงดำเนินต่อไป ทั้งในพื้นที่ทางเหนือและทางใต้ของฉนวนกาซา นอกจากนี้ ยังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้สภาพการณ์เลวร้ายลง จนส่งผลกระทบรุนแรงผู้พลัดถิ่นหลายแสนคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่พักพิงชั่วคราว 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลืออาวุโสของสหประชาชาติยังเตือนด้วยว่า ดินแดนฉนวนกาซาของปาเลสไตน์กำลังเผชิญกับ “ภัยพิบัติด้านสาธารณสุข” เนื่องจากการล่มสลายของระบบการแพทย์ และการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อในศูนย์พักพิงที่แออัดยัดเยียด

สงครามอิสราเอล-กาซาเกิดขึ้นจากการโจมตีที่ไม่คาดฝันของกลุ่มฮามาส ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,200 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีประชาชนประมาณ 240 คนถูกจับเป็นตัวประกัน หลังจากนั้น อิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินตอบโต้ในฉนวนกาซา ส่งผลมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 18,600 คน โดยประมาณ 70% ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก

ในการประชุมฉุกเฉินของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร ประเทศสมาชิก 153 ประเทศลงมติเห็นชอบกับมติที่ไม่มีข้อผูกมัด เพื่อเรียกร้องให้มีการ “หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมโดยทันที” ในฉนวนกาซา และ “ปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ตลอดจนรับประกันการเข้าถึงด้านมนุษยธรรม” อย่างไรก็ดี มี 8 รัฐร่วมกับอิสราเอลและสหรัฐฯ ในการลงคะแนนเสียงคัดค้านมติดังกล่าว ซึ่งรวมถึงออสเตรียและสาธารณรัฐเช็ก ในขณะที่สหราชอาณาจักรและเยอรมนีเป็นหนึ่งใน 23 รัฐที่งดออกเสียง

มติดังกล่าวถูกเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติโดยรัฐอาหรับและมุสลิม หลังจากที่สหรัฐฯ ลงมติยับยั้งร่างมติที่ถูกเสนอ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องให้มีการหยุดยิง และเปิดให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซา โดยสหรัฐฯ อ้างว่าการหยุดยิงทันทีจะทำให้กลุ่มฮามาสสามารถรวมกลุ่มกันใหม่ได้

วันรุ่งขึ้นหลังจากการลงคะแนนเสียงของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และการออกมากล่าวเตือนของไบเดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้ระบุกับนักการทูตที่มาเยือนอิสราเอลว่า “อิสราเอลจะทำสงครามกับกลุ่มฮามาสต่อไป ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติหรือไม่ก็ตาม” พร้อมกันนี้ โคเฮนระบุเสริมว่า “การหยุดยิงในขั้นตอนปัจจุบัน ถือเป็นของขวัญแก่กลุ่มก่อการร้ายฮามาส และจะอนุญาตให้กลุ่มฮามาสกลับมาและคุกคามประชาชนในอิสราเอลได้”

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ เริ่มออกมาแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับวิธีที่อิสราเอลดำเนินการโจมตีของตัวเองในฉนวนกาซา โดยเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า อิสราเอลเสี่ยงที่จะแทนที่ "ชัยชนะทางยุทธวิธี ด้วยความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์" หากอิสราเอลไม่สามารถปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซาได้เพียงพอ

ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับความเป็นไปของฉนวนกาซาหลังสงคราม โดยในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนอิสราเอลเพื่อหารือกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยสื่ออิสราเอลรายงานว่าการหารือในครั้งนี้ จะรวมถึงประเด็นหลังสิ้นสุดสงครามในฉนวนกาซา

ในการพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารอิสราเอล ที่ประจำการอยู่ในฉนวนกาซา เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา เนทันยาฮูกล่าวว่าสงครามอิสราเอล-ฮามาสจะ "ดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุด จนกระทั่ง (อิสราเอล) ได้รับชัยชนะ จนกว่ากลุ่มฮามาสจะถูกทำลายล้าง" พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวถึง “แรงกดดันจากนานาชาติ” ว่า “ไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้”


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-middle-east-67708700?fbclid=IwAR1i4sozMuoTp_SiZkJxpZ0OCJaZlNCmzVY4C2czMv0xLu8-ZYsxu_eoXBI