โครงการสภาจำลองของเยาวชน ที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดโดยพรรคเพื่อไทย เพื่อปลุกการเรียนรู้ประชาธิปไตย และเข้าใจปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยในเวทีสภาจำลอง มีนาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย รับบทบาทเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอให้เก็บภาษีมรดกร้อยละ 50 เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ซึ่งมีการลุกขึ้นอภิปรายของเยาวชนที่รับบทเป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถึงข้อดีและข้อเสียของแนวคิดดังกล่าว

หลังจากการอภิปรายในสภาจำลองน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมก็แสดงความคิดเห็นถึงกิจกรรม และสะท้อนไปถึงการทำงานของภาคการเมืองไทยในปัจจุบัน ผู้ร่วมโครงการรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนได้รับบทบาทเป็นวิปรัฐบาล มีหน้าที่ต่อรองให้พรรคที่ตนสังกัดได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งตนคิดว่าในสภาจริงๆ ก็จะมีบรรยากาศเหมือนแบบนี้ และเมื่อมองการทำงานของผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน นายอดิชาญ ธรรมสร โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่าผู้บริหารยังทำการเมืองแบบเก่า ไม่พัฒนามาสู่การเมืองแบบใหม่ เป็นการเมืองที่ใช้ผลประโยชน์ต่อรองกันโดยนักการเมือง ไม่สนใจเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้ประชาชนที่เลือกนักการเมืองเหล่านั้นเข้าไปเป็นตัวแทนไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ทั้งที่ระบอบประชาธิปไตย การมีผู้แทนเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน และต่อไปเยาวชนอย่างพวกตนจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงให้อำนาจกลับมาอยู่ในมือของประชาชนอย่างแท้จริง

นายปฏิภาณ โอภาสพงศ์พิพัฒน์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การร่วมกิจกรรมวันนี้ได้เรียนรู้หลักการทำงานของระบบรัฐสภาไทย และได้ประสบการณ์ความรู้จาก ส.ส. ทำให้ตนได้เห็นนักการเมืองที่ดีที่ทำงานเพื่อชาติ และสามารถเป็นเยี่ยงอย่างในการทำงานการเมืองของตนในอนาคต และถ้าตนได้ทำงานการเมือง ตนต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทั่วประเทศ ลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย คนจนลืมตาอ้าปากได้ สร้างงาน สร้างรายได้ อาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว เพื่อทำให้ประเทศพัฒนาไปพร้อมๆ กันทุกชนชั้น

ขณะเดียวกันตนอยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ว่าหากไม่พร้อมที่จะบริหารประเทศชาติที่ต้องดูแลประชาชนกว่า 70 ล้านคนก็ขอให้ลาออก เพราะการที่มาบริหารงานแบบไม่เป็นมืออาชีพ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ได้รับความทุกข์และโศกเศร้า ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา

นายดอน ธูปประโคม จากโรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ชั้น ม.5 เล่าว่า กิจกรรมวันนี้สนุกสนานสมจริง ทำให้ตนอยากเป็น ส.ส. จริงๆ ขึ้นมา และสิ่งที่ตนคิดว่าสิ่งที่ ส.ส. ควรจะทำในสภาคือนอกจากจะเป็นตัวแทนที่ทำงานเพื่อประชาชนแล้ว ยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย กล้าพูดกล้าทำตามอุดมการณ์ที่ตั้งไว้ ยึดมั่นไม่ยอมถูกติดสินบน ขณะเดียวกันตนยังเห็นถึงความไม่ชอบธรรมของการเมือง เช่น การซื้อเสียงในท้องถิ่น การใช้โครงการประชารัฐหาเสียงทางอ้อมเพื่อเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม อีกทั้ง ส.ว. สรรหาก็เขามาไม่ถูกต้องตามกระบวนการประชาธิปไตย 

นางสาวอรวี ยะปาละ โรงเรียนบ้านสันป่าสัก กล่าวว่า เธอได้รับประสบการณ์ ความรู้ และความน่าตื่นเต้น ทำให้เธอเห็นว่าการทำงานในรัฐสภาไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอย่างที่คิด ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับตัวเราหมดเลย เธออยากไปสัมผัสประสบการณ์จริงนี้โดยการเข้าไปทำงานจริงในรัฐสภา และถ้าได้ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ เธออยากจะแก้ปัญหาขยะมากที่สุด พร้อมขอบคุณรัฐบาลที่ดูแลประเทศชาติมาอย่างดี

นายธีรธรรม เตชฤทธ์ โรงเรียนน้ำดิบวิทยาคม จ.ลำพูน เผยว่า เมื่อก่อนตนเหมือนกบในกะลา ตอนนี้เหมือนกบที่อยู่นอกกะลา เพราะได้มาเปิดมุมมองเรื่องการเมืองและประชาธิปไตยใหม่ๆ ทำให้เด็กบ้านนอกคนหนึ่งได้สัมผัสกับประสบการณ์นี้ และตนจะนำความรู้นี้ไปต่อยอดในโรงเรียน เนื่องจากตอนนี้เป็นประธานสภานักเรียน เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยให้เพื่อนๆ ทราบ

ขณะเดียวกัน อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้พัฒนาด้านเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันนี้เศรษฐกิจตกต่ำมาก ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ยาเสพติดก็แพร่ระบาดหนักมาก

นายภาณุวัฒน์ วันโทน นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้มาอบรมและเรียนรู้แนวคิดการทำงานการเมืองและรัฐสภาจาก ส.ส. ตัวจริง ส่วนตัวเองก็เคยคิดอยากจะเป็น ส.ส. เพื่อพัฒนาชุมชนของตน นอกจากนี้นายภาณุวัฒน์ ยังฝากถึงรัฐบาลว่า การศึกษาไทยมีความสำคัญ อยากให้รัฐบาลพัฒนากระทรวงศึกษาธิการ และการเรียนการศึกษาของระบบการศึกษาไทยให้สอดรับกับเศรษฐกิจโลก

โครงการสภาจำลองของเยาวชน ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น และในวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะจัดสภาจำลองของเยาวชนในพื้นที่ภาคกลาง ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร