เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และสหประชาชาติเตรียมประชุมทางออนไลน์ เพื่อหารือเรื่องการระดมเงินช่วยเหลือเลบานอน หลังจากเกิดเหตุโกดังเก็บแอมโมเนียมไนเตรต 2,000 ตันในกรุงเบรุตระเบิด จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 ราย บาดเจ็บมากกว่า 5,000 คน และกลายเป็นคนไร้บ้านกว่า 300,000 คน โดยประเมินมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มากถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 470,000 ล้านบาท)
แถลงการณ์ของมาครงระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้พันธมิตรของเลบานอนได้ร่วมกันจัดหาความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยตัวแทนจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จีน รัสเซีย จอร์แดน และอังกฤษจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาได้หารือเกี่ยวกับเหตุการณ์อันเลวร้ายในเบรุตกับมาครงแล้ว และจะร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
แม้หลายประเทศจะประกาศว่าจะให้เงินช่วยเหลือหลายล้านดอลลาร์ รวมถึงส่งเรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอุปกรณ์ที่จำเป็นไปยังเบรุต แต่สหประชาชาติก็เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ช่วยเหลือเบรุตให้มากขึ้น โดยเตือนว่า ชาวเบรุตยังต้องการน้ำและไฟฟ้า หลายคนกังวลว่าจะขาดแคลนอาหาร จากก่อนเกิดเหตุเลบานอนก็ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้วและยังต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนชาวเลบานอนออกมาประท้วงกันหลายพันคน เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ไม่มีการดูแลความปลอดภัยในโกดังจนเกิดเหตุระเบิด และเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิด
ด้านตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางตอบโต้ผู้ประท้วงที่ขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ และผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในกระทรวงต่างๆ รวมถึงธนาคาร ทำให้มีผู้บาดเจ็บนับร้อยคน และต่อมา นายกรัฐมนตรีเลบานอนได้ประกาศผ่านโทรทัศน์ว่าจะหารือกับคณะรัฐมนตรีเพื่อขอให้มีการการเลือกตั้งก่อนกำหนด เพื่อเป็นหนทางออกจากวิกฤตในครั้งนี้