วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567 ) นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น เพราะก่อนที่จะให้ประชาชนลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 จะพบว่ารัฐบาลในขณะนั้นใช้ทุกองคาพยพของรัฐ ทั้งฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการทุกภาคส่วน ไปรณรงค์ให้ประชาชนรับรัฐธรรมนูญได้ฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายที่รณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญจะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมยัดข้อหาจับขังเรือนจำเป็นจำนวนมาก
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ที่อ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงปราบได้จริงหรือแค่วาทกรรม เพราะการทุจริตยังคงมีอยู่ในขณะที่รัฐธรรมนูญห้ามฝ่ายการเมืองบริหารงบประมาณ การทุจริตก็ยังไม่ลดลง แล้วปราบโกงตรงไหน ต้องยอมรับการทำงานของรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะอำนาจอยู่ในมือข้าราชการ การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลหากข้าราชการไม่เอานโยบายดังกล่าวก็ขับเคลื่อนไม่ได้
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าเป็นประชาธิปไตย ทุกวันนี้องค์กรอิสระสถาปนาเป็นอำนาจที่ 4 ของไทย มีอำนาจเหนือฝ่ายการเมือง ประเทศชาติขับเคลื่อนด้วยองค์กรอิสระ สามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศและประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ พร้อมกันนี้รัฐบาลควรเปิดเวทีสาธารณะทั่วประเทศเพื่อชี้แจง การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วยกันระดมความคิดเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้นประชาชนควรมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางประเทศร่วมกัน จะเป็นการดีที่สุด อย่างไรก็ตามการแก้รัฐธรรมนูญก็ควรเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาอยู่ดี ส่วนพรรคเพื่อไทย ยืนยันหลายครั้งแล้วว่าสนับสนุนให้มีสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. มายก ร่างรธน. โดยยกเว้นหมวด 1 และ 2 ของรัฐธรรมนูญ” นายสมคิด กล่าว