ไม่พบผลการค้นหา
'เศรษฐา' ยินดี 'พิธา-ก้าวไกล' ย้ำจุดยืนส่วนตัว จับมือกันตั้งรัฐบาลไม่มีพลิกขั้ว ชี้คะแนนเสียงเป็นฉันทามติประชาชน ยอมรับแม้ชวด นายกฯ-รมต. ก็ช่วยประเทศชาติต่อไปได้

วันที่ 15 พ.ค. เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าประชุมกับกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทย และกล่าวถึงผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ปิดหีบเลือกตั้ง และนับได้เกือบจะครบ 100% 

เศรษฐา กล่าวแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้วย คิดว่าผลคะแนนเลือกตั้งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นความต้องการของประชาชน ส่วนจะมีการพลิกขั้วหรือไม่นั้น ตามกติกาชัดเจนอยู่แล้วว่าเรารับได้ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเราชัดเจน ทำงานร่วมกันมานาน

"ไม่น่ามีการพลิกสถานการณ์ ผมว่าประชาชนได้พูดแล้ว ลงคะแนนเสียงแล้ว ผมว่าชัดเจน เพราะทั้ง 2 พรรคเองก็เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย แล้วก้าวไกลเขาชนะ ผมว่าเราฟังฉันทามติของประชาชน เราชัดเจนตรงนี้"

เศรษฐา ยังระบุว่า ไม่อยากให้เป็นเรื่องส่วนตัว เราทำงานกับพรรคมา เราก็ชัดเจนมาโดยตลอดว่าต้องให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล และพรรคอันดับ 2 ก็ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ เพราะเราเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ทำงานร่วมกันมา ก็เป็นธรรมชาติที่ต้องร่วมมือกัน และหากจุดยืนไม่ได้เป็นไปตามกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เศรษฐา ย้ำว่า แม้ตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นแคนดิเดตนายกและประธานที่ปรึกษาของ แพทองธารชินวัตร แต่จุดยืนตนชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าขณะนี้จำนวนส.สของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลยังไม่ครบ 376 เสียงจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองอื่นมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ แต่ได้เคยพูดไปในหลายเวทีว่าถ้าพรรคใดที่รวมกันแล้วเกินกึ่งหนึ่งของ 500 เสียงถือว่าเป็นฉันทามติของประชาชน และตนได้วิงวอนชัดเจนว่าทาง ส.ว. น่าจะโหวตตามความต้องการของประชาชน ตนชัดเจนมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่พบปะประชาชนบอกกล่าวนโยบายของพรรคเพื่อไทยแต่ผลปรากฎว่าคะแนน ส.ส.ไม่เป็นไปตามเป้ารู้สึกอย่างไรบ้างนั้น ขณะนี้ทางพรรคยังไม่ได้วิเคราะห์อะไร แต่เข้าใจว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง จึงต้องเคารพเสียงของประชาชน พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยทุกคนทำงานเต็มที่ และมั่นใจว่าสิ่งที่เสนอประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นก็ต้องมาพูดคุยกันว่าสาเหตุที่ไม่ได้ ส.ส.ตามเป้ามาจากอะไร แต่ก็ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลด้วย

นอกจากนี้ เศรษฐา ยังกล่าวต่อถึงจุดยืนตนเองว่าตนได้ก้าวเข้ามาจากภาคธุรกิจ มาฝ่ายการเมือง โดยมีจุดประสงค์ที่อยากจะช่วยเหลือประเทศชาติ จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ส.ส. หรือตำแหน่งสำคัญอะไร เพราะยังมีอีกหลายอาชีพที่ยังสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้ ย้ำว่าต้องยอมรับกติกาและเสียงของประชาชน ซึ่งขณะนี้ส่วนตัวก็สบายใจขึ้นและดีใจ