วันที่ 1 ธ.ค. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ใน 3 ตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมีการเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลมาตลอด โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่สรรหาตัวรัฐมนตรีไว้เรียบร้อย
แต่ที่แปลกประหลาดใจคืออีก 2 ตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ครึ่งหนึ่งเป็นโควต้าของ พล.อ.ประยุทธ์ ตำแหน่งนี้ถือว่า นายกฯ ได้กำไรสุดๆ เพราะเป็นตำแหน่งที่ทำงานต้องมาทำงานเพื่อนายกรัฐมนตรี และมีความใกล้ชิดกับนาใกล้ชิดนายกฯ จึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจ เพราะเป็นช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง
อีกทั้งอย่าลืมว่านายกรัฐมนตรียังเหลืองบกลางอยู่ในมือถึง 5 แสนล้าน คนที่จะมาทำงานและขับเคลื่อนเรื่องนี้จำเป็นจะต้องมีความไว้วางใจ จึงมองได้ว่า เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง และที่สำคัญ ทำให้มองได้ว่าสิ่งที่ปรากฏในขนาดนี้มีความเชื่อมโยงกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปสังกัด ดังนั้นภาพการตั้งรัฐมนตรีใหม่นี้จึงเป็นการวางแนวทางการทำงานในพรรคการเมืองดังกล่าวเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นโควต้ากลุ่มปากน้ำของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำให้มองได้เช่นเดียวกันว่าเป็นการต่างตอบแทน หลังมีข่าวว่ากลุ่มดังกล่าวเตรียมจะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคทางการเมือง เพื่อเป็นการมัดใจ
"วัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มอีก 2 คนครั้งนี้จึงไม่น่าตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ที่ต้องเข้าไปดูแลแก้ปัญหาเพื่อประชาชน" นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า การให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกับ ธนกร วังบุญคงชนะ เป็นการล่อใจ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อดึงไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า เป็นเรื่องที่คิดได้ เป็นการมัดใจว่าใครอยู่ด้วยก็จะได้รับโอกาส เหมือนใครทำงานก็ได้รับปูนบำเหน็จบำนาญ
เมื่อถามว่าเป็นการปรับเพื่ออยู่ยาวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอยากอยู่ยาวไม่ว่าปรับเล็กหรือใหญ่ แต่มีเงื่อนไขอื่นที่กำหนดว่าจะอยู่ยาวได้หรือไม่ หากจัดกระบวนทัพสู่การเลือกตั้งได้ ก็คงเข้าสู่โหมดการยุบสภาได้ เงื่อนไขคือการย้ายของ ส.ส. โดยเฉพาะหลังวันที่ 24 ธ.ค. นี้หาก ส.ส. ลาออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน สภาฯ ก็ทำงานไม่ได้ จนอาจเป็นเงื่อนไขยุบสภา
ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า การปรับ ครม.ในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามบริหารให้ครบวาระ จึงต้องการลดภาวะกดดันของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีการทวงถามจากพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด และระยะเวลาที่เหลืออยู่มีเพียง 3 เดือนกว่า คงทำอะไรไม่ได้มาก ทุกคนเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง