18 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ที่บริเวณถนนดินสอ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ กลุ่ม 'ราษฎรหยุดเอเปค 2022' เดินทางไปยื่นหนังสือแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเพื่อคัดค้านการประชุมเอเปค 2022 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
อย่างไรก็ดี ในการสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการเผาพริกเผาเกลือบนหลังคารถตำรวจ ทำให้ตำรวจใช้อุปกรณ์ดับเพลิงและน้ำฉีดเพื่อดับเปลวเพลิง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จึงได้เริ่มมีการตั้งแนวและใช้กระบอง พร้อมทั้งโล่ห์สกัดให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นไป
นอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 10 คน และยังพบว่ามีสื่อมวลชนบางส่วนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงด้วยเช่นกัน ได้แก่
ในช่วงเย็นของวันนี้ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022 จะเดินทางไปยื่นหนังสือ และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ทุ่งสองห้อง เนื่องจากมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมและนำตัวมาที่ สน. ดังกล่าว โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ว่า มีจำนวน 25 คน
ด้านสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ โดยนายธีรนัย จารุวัสตร์ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ กล่าวว่า อนุกรรมการฯ ได้รับรายงานกรณีมีสื่อมวลชนบาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน ขณะปฏิบัติหน้าที่รายงานเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม 'ราษฎรหยุด APEC' เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้
กรณีที่หนึ่ง มีคลิปวิดิโอเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ใช้โล่กระแทกผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว The Matter จนล้มลงกับพื้น ขณะกำลังรายงานสดเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม โดยที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวแสดงตนว่าเป็นสื่อมวลชน พร้อมกับสวมปลอกแขนแสดงสัญลักษณ์สื่อมวลชน ต่อมา มีรายงานด้วยว่าผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ใช้กระบองฟาด และเตะเข้าที่ศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คลิปเหตุการณ์กรณีที่หนึ่ง:
The Matter : www.facebook.com/thematterco/videos/1331180424290098/
The Standard : www.facebook.com/thestandardth/videos/496985079073121
The Reporter : www.facebook.com/TheReportersTH/videos/1230717807506966
เดลินิวส์ : www.facebook.com/dailynewsonlinefan/videos/525845562743449
กรณีที่สอง มีคลิปวิดิโอแสดงจังหวะที่ช่างภาพจากสำนักข่าว Reuters กำลังบันทึกภาพแนวตำรวจใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และได้มีการเขวี้ยงวัตถุของแข็งเข้าใส่ใบหน้าของช่างภาพคนดังกล่าว จนได้รับบาดเจ็บบริเวณลูกตา
คลิปเหตุการณ์กรณีที่สอง:
ViralPress : twitter.com/ViralPressCoLtd/status/1593493898562744320
สำหรับกรณีที่หนึ่ง นายธีรนัยกล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ทางการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือรัฐบาล เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนทุกประเด็น เช่น การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคลิปที่ปรากฏเป็นข่าวเหมาะสมหรือไม่ เป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นไปตามหลักปฏิบัติของหน่วยงานหรือไม่ ฯลฯ และถ้าหากผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีบทลงโทษหรือดำเนินการอย่างไร และจะมีการชดใช้ความเสียหายต่อนักข่าวที่ถูกกระทำอย่างไรบ้าง
นายธีรนัยตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ศาลแพ่งเคยมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564 ซึ่งศาลระบุไว้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้อง ‘...ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน…’ ดังนั้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล และเป็นไปตามคำสั่งศาลแพ่งข้างต้นอีกด้วย
“ฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะมีการพิจารณามาตรการในลำดับต่อไป หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกเฉยที่จะตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น” นายธีรนัยกล่าว
สำหรับกรณีที่สอง นายธีรนัยกล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งตรวจสอบที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จำนวนมาก และมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการควบคุมดูแลการชุมนุมโดยตรง จึงต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ใครเป็นผู้ขว้างปาวัตถุของแข็งในคลิปวิดิโอ มีเจตนาจงใจทำร้ายสื่อมวลชนหรือไม่ และจะมีการดำเนินมาตรการทางกฎหมายกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ อย่างไร
นายธีรนัยกล่าวด้วยว่า ภาครัฐต้องชี้แจงทั้งสองกรณีกับสังคมอย่างเร่งด่วนและโปร่งใส เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งได้รับการคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่ฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ได้ย้ำว่ามาตลอดว่า “เสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน”
ทั้งนี้ สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปที่พบเห็นการใช้ความรุนแรง หรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสื่อมวลชนในพื้นที่การชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการกระทำจากฝ่ายใดก็ตาม สามารถติดต่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ได้ที่อีเมล์ [email protected] (กรุณาเขียนระบุในหัวข้ออีเมลล์ว่า “เรียน ฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ”)