บรรดาต้นฮอร์นบีมที่รายล้อมคลองแกรนด์คานัล (Grand Canal) ในสวนพากันร่วงโรยไปในฤดูร้อนปีนี้ ส่งสัญญาณให้สวนเปี่ยมประวัติศาสตร์ต้องปรับตัวรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
แอเลน บาราตง หัวหน้าคนสวนของแวร์ซาย กล่าวว่ารู้สึกหัวใจสลายกับภาพที่เห็น
"ผมจำใจต้องละทิ้งประวัติศาสตร์ และปรับตัวรับกับความเป็นจริง" เขากล่าว
สภาพอากาศในแถบยุโรปเหนือร้อนและแห้งขึ้น บีบให้คนสวนในพื้นที่กว่า 8 ล้านตารางเมตรนี้ต้องปรับตัว บรรดาต้นเอล์ม ต้นเกาลัด และ ต้นเบิร์ช ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยราชวงศ์ฝรั่งเศส กำลังจะถูกแทนที่ด้วยบรรดาพันธุ์พืชที่ทนต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น และรูปแบบการตกของฝนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้กว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนครั้งนี้ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส (France’s National Center for Scientific Research) ได้เผยโมเดลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชี้ว่าโลกกำลังร้อนขึ้นมากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ โดยข้อมูลดังกล่าวชี้ว่าในกรณีเลวร้ายที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกอาจสูงขึ้น 6-7 องศาเซลเซียสในปี 2100 ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 1 องศา โดยหากเกินระดับนี้ไปพายุจะมีกำลังแรงขึ้นอย่างมาก และระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นกว่า 1 เมตร
ต้นไม้เป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนตามธรรมชาติที่สำคัญ สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป (European Environment Agency) ประมาณว่าป่าไม้ดูดซับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ชาติในสหภาพยุโรปปล่อยมาถึง 13 เปอร์เซ็นต์ แต่ในปัจจุบันพายุที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และอากาศแล้งที่เกิดบ่อยขึ้นก็ทำให้ป่าไม้ในภูมิภาคนี้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง
เซเวยร์ บาร์เต็ต เจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้แห่งชาติ กล่าวว่าต้นไม้ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการปรับตัว แต่ว่าปัจจุบันไม่เหลือเวลามากขนาดนั้นอีกแล้ว
ผลกระทบจากฝนที่ตกน้อยลงและอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ก็สะท้อนผ่านบรรดาพืชชั้นเรือนยอด (canopy) ในสวนแวร์ซายที่โกร๋นใบเพื่อลดการคายน้ำ
สำนักงานป่าไม้แห่งชาติฝรั่งเศส ได้ร่วมมือกับบรรดาสำนักงานป่าไม้ในยุโรปและตุรกีเพื่อร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะกำหนดว่าพันธุ์พืชชนิดใดที่ควรจะนำมาปลูก โดยซอฟต์แวร์ซึ่งประมวลผลข้อมูลสำหรับสภาวะที่โลกอุณหภูมิสูงขึ้น 5.3 องศาเซลเซียสนี้จะได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ทั่วโลกได้ใช้ สำหรับพระราชวังแวร์ซายนั้นกำลังมีการจัดทำฐานข้อมูลของพืช แมลง และสัตว์ในสวนอยู่ และต้นไม้ใหม่จะถูกปลูกโดยเว้นระยะห่างให้ดูดซึมน้ำในดินและรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้
ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อการรักษาให้สวนอายุหลายร้อยปีนี้ยังคงมีชีวิตต่อไปจนถึงศตวรรษหน้า
"โดยภายนอกแล้วผู้เยี่ยมชมพระราชวังจะไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงสำคัญอะไรหรอก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ" บาราตง หัวหน้าคนสวนกล่าว