ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาร์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในประเด็นร้อนค้าปลอดอากร กรณีการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ได้ลงนามประกาศให้สิทธิการบริหารจัดการร้านค้าปลอดอากรและร้านค้าเชิงพาณิชย์ไปก่อนที่ ครม. จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้หน่วยงานปฏิบัติ
โดยบอร์ด ทอท. อ้างว่าเป็นคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี หลังจากมีการประกาศทำให้เกิดผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยหุ้น ทอท.ตกลง 6 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งมีช่องโหว่ในแง่กฎหมาย เนื่องจากพระราชบัญญัติความร่วมมือรัฐเอกชน พ.ศ.2562 มาตรา 7 วรรคท้ายระบุว่า "กิจการตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงกิจการเกี่ยวเนื่องที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ของการดําเนินกิจการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ตามที่คณะกรรมการประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี”
สำหรับการพิจารณาผลักดันกฎหมายฉบับนี้มีรวมกัน 70 มาตรา ที่มีผลกับประชาชน แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ใช้เวลาพิจารณาเพียง 28 วัน โดยก่อนหน้านั้นมีข่าวว่าทอท. เตรียมการประมูลร้านค้าปลอดอากร ในวันที่ 31 พ.ค. 2562 โดยการประมูลครั้งนี้ถูกตั้งคำถามจากสังคม ว่าทำไมมีเงื่อนไขที่เอื้อสิทธิผู้ที่ได้สัมปทานเพียงเจ้าเดียว ทั้งดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่ทอท.ได้ดำเนินปิดซองประมูลโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการของ ครม.
น.ส.ศิริกัญญา อภิปรายว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมต้องหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งพบว่าการสัมปทานดิวตี้ฟรีนั้น เป็นการส่งเสริมผูกขาดกับทุนใหญ่เจ้าเดิม โดยเปรียบเทียบจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ที่สนามบินอินชอน มียอดขายอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ เปิดสัมปทาน 12 กลุ่มทุน แต่ของไทยนั้นกลับเปิดเพียง 1 กลุ่มทุนเท่านั้นจึงเห็นว่าควรมีการแก้ไขเงื่อนไขเช่นนี้หรือไม่
โดยปี 2559 ได้มีข้อร้องเรียนจากเอกชนว่ามีการผูกขาดสัมปทาน ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินโดยมีคำวินิจฉัยว่า "เลือกปฏิบัติปิดกั้นเสรีทางการค้า" จึงตั้งคำถามว่ามีการเอื้อยอดการขายของทุนใหญ่หรือไม่ โดยบริษัทคิงพาวเวอร์ ได้ว่าจ้างบริษัทลูกนำสินค้าจากซอยรางน้ำ มาส่งให้นักท่องเที่ยวไปรับที่ท่าอากาศยานสุวรณภูมิ มีการประเมินว่าส่วนแบ่งรายได้ของคิงพาวเวอร์ที่หายไปมีจำนวน 14,290 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าที่ผ่านมาไม่มีการปกป้องผลประโยชน์ชาติ โดยละเว้นการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตของกลุ่มทุน กลายเป็นมหากาพย์การหลีกเลี่ยง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถูกส่งไปถึงพล.อ.ประยุทธ์แล้ว แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร
น.ส.ศิริกัญญา ได้ยกคำพูด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งกล่าวว่า "ในระหว่าง 1 ปีที่ผมทำงานกับพล.อ.ประยุทธ์ ได้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ สนิทสนม และใกล้ชิดกับนายทุนที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่บางราย เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งบุคคลที่สนิทสนมกับกลุ่มธุรกิจปลอดภาษีเป็นประธานของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ตามมา ด้วยการแต่งตั้งให้บุคคลที่เป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจใหญ่กลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ เข้าไปนั่งเป็น กรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งช่วยให้สามารถได้รู้ข้อมูลด้านการลงทุนที่ยังไม่เปิดเผยก่อนผู้อื่น และรู้แง่มุมของการวางนโยบายที่เป็นเรื่องไม่พึงเปิดเผยด้วย "
น.ส.ศิริกัญญา ตั้งคำถามว่า การพาดพิงของ ม.ร.ว.ปรีดียาธร จะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ เรื่องนี้ต้องมีข้อพิสูจน์ให้ชัดเจน อย่างไรก็ดีพบว่าบริษัทคิงพาวเวอร์ ได้บริจาคให้พรรคการเมืองนึง เป็นจำนวน24 ล้านบาท ซึ่งไม่เชื่อว่าเงิน 24 ล้านบาท จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ หลับตาข้างเดียวปลดล็อกกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หลีกเลี่ยงการทำสัญญาโดยมิชอบได้
"ดังนั้นดิฉันไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป แม้แต่วันเดียว" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
อ่านเพิ่มเติม