น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตว่าที่ประชุมได้รับทราบพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค ในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 สำหรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค แบ่งเป็น ในเขตพื้นที่ให้บริการของ กปภ. ซึ่งประเมินพบ 42 สาขา 56 อำเภอ ใน 22 จังหวัด เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ประกอบด้วย
โดยขณะนี้การประปาส่วนภูมิภาคหรือ กปภ. ได้เตรียมมาตรการรับมือแล้ว อาทิ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมวางท่อเพื่อเข้าสู่ระบบผลิต เจาะบ่อบาดาล ฯลฯ ขณะที่พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อการเกษตร แบ่งเป็นในเขตชลประทาน และนอกเขตชลปะทาน ซึ่งจากการประเมินสภาพอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พบว่า มี 25 แห่ง คาดว่าปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ได้แก่
1) อ่างฯ มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเพาะปลูก 5 แห่ง อาทิ กระเสียว ทับเสลา อุบลรัตน์ ลำนางรอง และจุฬาภรณ์
2) ปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรต่อเนื่อง ได้แก่ พืชไร่ พืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น จำนวน 9 แห่ง อาทิ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ แม่กวงฯ แม่มอก มูลบน ลำพระเพลิง คลองสียัด
3) ปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรนาข้าวรอบที่ 2 บางพื้นที่ 9 แห่ง อาทิ แม่งัดฯ กิ่วลม กิ่วคอหมา น้ำอูนน้ำพุง ลำตะคอง ลำแชะ บางพระ ประแสร์ และอ่างฯ ขนาดกลางมีปริมาณน้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุ กระทบต่อพื้นที่การเกษตร จำนวน 50 แห่ง อยู่ในภาคเหนือ 17 แห่ง อีสาน 28 แห่ง กลาง 1 แห่ง ตะวันออก 3 แห่ง ตะวันตก 1 แห่ง ใต้ 4 แห่ง
ขณะที่พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรนอกเขตชลประทาน ฤดูแล้ง 62/63 โดยกรมทรัพยากรน้ำ พบ 20 จังหวัด 109 ตำบล ประกอบด้วย
ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับทราบข้อมูลปริมาณน้ำที่สามารถจัดสรรได้เพื่อนำไปใช้วางแผนการเพาะปลูกพืช ฤดูแล้งปี 62/63 และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกษตรกรโดยเร่งด่วนแล้ว