ไม่พบผลการค้นหา
‘พล.อ.ประยุทธ์’ รับหลังโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เผยเร่งพูดคุยพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ยืนยันประโยชน์ใช้ทุกนโยบายของทุกพรรค เป็นรัฐบาลของประชาชน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาไม่พูด เพราะจะพูดได้เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งวันนี้ (11 มิ.ย.) จะมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และหลังโปรดเกล้าฯ จะสามารถพูดคุยกับนักการเมืองได้ตามกฎหมาย ที่ผ่านมาเป็นเพียงการนำเสนอและวิเคราะห์ผ่านสื่อ ซึ่งตนจะต้องหาทางพูดคุยตามความเหมาะสมเพื่อหาจุดที่ลงตัวโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชน

โดยนโยบายของทุกพรรคที่เสนอมาเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งสิ้น รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลของประชาชนทั้งประเทศ โดยการนำเอานโยบายต่างๆมาประบให้สอดคล้องและปรับงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งตามแผนงานเก่า-ใหม่ ให้เกิดกับประชาชนมากที่สุด และจะเรียบร้อยภายในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนหลังพิธีรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็น นายกรัฐมนตรีโดยกล่าวสั้นๆว่า "ขอขอบคุณทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่ให้เกียรติ แล้วก็วันนี้มาร่วมพิธีอันสำคัญ ก็ให้คำมั่นสัญญาไปแล้วว่าผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดร่วมกับ ส.ส. ร่วมกับ ครม.ต่างๆ ที่จะแต่งตั้งในอนาคต"

"ขอให้ทุกคนร่วมมือให้ประเทศชาติมั่นคง ปลอดภัย ยั่งยืน โอเคนะจ๊ะ สวัสดีจ๊ะ เราจะมีแต่รอยยิ้มให้กัน" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงาน และยังไม่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล

ประยุทธ์.jpgนายก.jpgประยุทธ์

ทั้งนี้ได้มี ตัวแทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เดินทางมาร่วมพิธีด้วย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยก่อนเดินเข้าตึกภักดีบดินทร์ มีสื่อมวลชนทักทาย พร้อมแซวให้ชู 2 นิ้ว ซึ่งนายอนุทิน ได้ทำตามที่สื่อมวลชนบอก ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการฯ นายธนา ชีรวินิจ ด้านตัวแทนพรรคชาติพัฒนานำโดย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา และตัวแทนจากพรรคเล็ก อาทิ หม่อมหลวงจตุมงคล โสณกุล พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล พรรคพลังธรรมใหม่ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินทรานนท์ ฯลฯ

ทั้งนี้ ในพิธีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เริ่มเวลาประมาณ 13.20 น. หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 สมัยที่ 2 แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ระบุว่า "ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและ เป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดแก่ชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้ ผมและครอบครัวรู้สึกสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักปฏิบัติงานสนองพระราชปณิธานตาม พระปฐมบรมราชโองการ

​ผมขอยืนยันว่า จะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญจะเพียรพยายาม มุ่งมั่นทำงาน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น ของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกสาขาอาชีพ ทุกช่วงวัย ในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศในทุกด้าน ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับ ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเงินการคลัง และเอกชนมีส่วนร่วม ตลอดจน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้ามา  มีส่วนร่วมในการพัฒนา ประเทศ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลกยุคดิจิทัลและเทคโนโลยี สร้างสรรค์สังคมให้มีความรักความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ เกื้อกูลกันในทุกโอกาส เพื่อความกินดีอยู่ดี และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน พร้อมจะปกป้องรักษาไว้ ซึ่งเกียรติภูมิแห่งสถาบันชาติ ศาสนา ตลอดจนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย

​ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ ขอขอบคุณพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่สนับสนุน และให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ทุกท่านตั้งใจไว้ ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ตลอดจนภาคประชาสังคม ธุรกิจเอกชน ที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะเป็นพลังที่คอยเกื้อหนุน และร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาล เพื่อนำพาประเทศไทยของเรา  ให้มีความสงบร่มเย็น มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนตลอดไป"