ปูตินย้ำว่า การเข้าแทรกแซงในยูเครนเป็นเรื่องที่สำคัญจำเป็น เนื่องจากตะวันตก “กำลังวางแผนที่จะรุกรานดินแดนของเรา รวมถึงไครเมียด้วย” อย่างไรก็ดี รัสเซียเคยอ้างเหตุผลของการรุกรานยูเครนว่าเป็นไปเพื่อ “การถอนระบอบนาซี” “ปลดอาวุธทางการทหาร” และ “ทำให้ยูเครนเป็นกลาง” ในช่วงต้นของสงคราม
ในช่วงแรกของสงคราม รัสเซียอ้างถึงประเด็นที่ยูเครนแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ว่าเป็นการรุกล้ำอิทธิพลของชาติตะวันตกเข้ามายังยุโรปตะวันออกเข้ามาประชิดชายแดนของตน อย่างไรก็ดี โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ล้มเลิกความคิดในการเข้าร่วมองค์การทางทหารที่ตั้งขึ้นเพื่อคานอำนาจกับรัสเซียแล้ว แต่รัสเซียยังคงเดินหน้าทำสงความในยูเครนต่อ พร้อมโหมกระแสโฆษณาชวนเชื่อถึงการถอนระบอบนาซีในยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน
ปูตินกล่าวย้ำว่า การขยายอำนาจขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเป็น “ภัยคุกคามที่รับไม่ได้อย่างสูงที่สุด” จนทำให้รัสเซียต้องยกทัพเข้ารุกรานยูเครน และตนยืนยันที่จะเดินหน้าการสู้รบต่อต้าน “ระบอบนาซี” ในยูเครน แต่ย้ำถึงความสำคัญของการ “ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ความน่ากลัวของสงครามระดับโลกเกิดขึ้นอีก” ปูตินกล่าวต่อทหารของตนอีกว่า “ทุกๆ คนได้สู้รบอย่างที่คนรุ่นปู่และทวดของตัวเองได้รบไป” ตอบรับกับความพยายามของรัสเซียในการสร้างโฆษณาชวนเชื่อว่ามีระบอบนีโอนาซีในยูเครนอย่างต่อเนื่อง
รัสเซียแพ้สงครามในระยะแรกบริเวณรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือของยูเครน ส่งผลให้รัสเซียตัดสินใจถอนทัพออก และมุ่งทุ่มสรรพกำลังของตนเองมายังการรบในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก ตลอดจนความพยายามในการยึดเมืองมารีอูปอลและโอเดซาทางตอนใต้ของยูเครน
ในการจัดขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ ปูตินได้ขึ้นแถลงต่อประชาชนชาวรัสเซีย พร้อมทหารหลายกองพัน ท่ามกลางจัตุรัสและกองพันที่ประดับไปด้วยธงรัสเซียและธงโซเวียตในขบวน ทั้งนี้ เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซียปรากฏตัวในขบวนพาเหรดกลางจัตุรัสแดงด้วย หลังจากมีข่าวลือว่าปูตินไม่พอใจชอยกูจากการคุมปฏิบัติการในยูเครน และการหายหน้าหายตาไปจากสื่อของชอยกู จากรายงานก่อนหน้านี้ว่าชอยกูมีปัญหาด้านสุขภาพ
รัสเซียกำลังเดินหน้าทำสงครามในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน เพื่อหวังจะปิดสงครามให้ได้ในโดยเร็ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวกลางจัตุรัสแดงว่า ทหารและอาสาสมัครของรัสเซียที่เดินทางเข้าไปทำปฏิบัติการในดอนบาสต่างสมัครใจในการสู้รบเพื่อปกป้อง “มาตุภูมิของพวกเขาและอนาคต (ของรัสเซีย)” ก่อนจะย้ำว่า “ความตายของทหารและเจ้าหน้าที่ทุกคนคือความเจ็บปวดสำหรับพวกเรา รัฐจะทำทุกประการเพื่อดูแลครอบครัวของพวกเขา”
ก่อนหน้านี้ ทางการยูเครนออกมารายงานว่า มีทหารรัสเซียอย่างน้อย 2 หมื่นรายที่เสียชีวิตจากสงครามการเข้ารุกรานยูเครน อย่างไรก็ดี ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียออกมายอมรับว่า รัสเซียประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ในสมรภูมิทางตอนเหนือและรอบกรุงเคียฟของยูเครน แต่เปสคอฟไม่ได้เปิดเผยว่ารัสเซียสูญเสียกำลังพลของตนไปมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ มีรายงานว่าทหารจำนวนมากของรัสเซียขาดประสบการณ์ บางรายถูกบังคับให้เกณฑ์เข้ากองทัพและส่งมายังยูเครนตั้งแต่ช่วง ก.พ.ที่ผ่านมา
หลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ 11 นาทีของปูติน ผู้ที่พยายามโยงเหตุการณ์ในปัจจุบันที่รัสเซียกำลังกระทำในยูเครน เข้ากับการปราบนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของโซเวียต ผู้นำรัสเซียและกองทหารได้ยืนไว้อาลัยทหารและเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในยูเครน ประธานาธิบดีรัสเซียพูดกล่าวปิดงานก่อนจะมีเสียงตะโกนของทหารและผู้เข้าร่วมงานว่า “แด่รัสเซีย แด่ชัยชนะ ไชโย” ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนในโดเนตสค์ของยูเครนที่มีรัสเซียคอยให้การหนุนหลัง ก็ได้จัดการฉลองวันแห่งชัยชนะบริเวณทางตอนใต้ของเมืองมารีอูปอลในยูเครนด้วยเช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแถลงโจมตีประธานาธิบดีรัสเซียว่า ยูเครนจะไม่ยอมให้รัสเซียแสวงหาผลประโยชน์จากชัยชนะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อนำมาสร้างโฆษณาชวนเชื่อในการรุกรานยูเครน ทั้งนี้ ยูเครนและรัสเซียซึ่งเคยอยู่ภายใต้สหภาพโซเวียตเคยร่วมรบกันเพื่อปกป้องประเทศสหภาพจากนาซีเยอรมนีมาด้วยกันทั้งคู่ โดนอดีตสหภาพโซเวียตสูญเสียประชาชนจากสงครามในการรบกับนาซีเยอรมนีกว่า 27 ล้านคน
“วันนี้พวกเราเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือระบอบนาซี พวกเราภูมิใจในตัวบรรพบุรษของพวกเรา ซึ่งร่วมกับชาติอื่น ๆ ในพันธมิตรต่อต้านฮิตเลอร์ในการเอาชนะลัทธินาซี และเราจะไม่ยอมให้ใครมาผนวกชัยชนะนี้ เราจะไม่ยอมให้มันถูกปรับเปลี่ยนไป” เซเลนสกีกล่าว “เราชนะแล้ว เราจะชนะตอนนี้” นอกจากนี้ ประธานาธิบดียูเครนยังได้กล่าวอีกว่า รัสเซียกำลังเตรียม "การตรากฎหมายของลัทธินาซีอีกครั้ง" ในยูเครน
ปูตินเลือกการแถลงในวันที่ 9 พ.ค.ด้วยระยะเวลาสั้นๆ และเลือกที่จะไม่ประกาศสงครามหรือข้ออ้างความสำเร็จใดๆ ของรัสเซียในยูเครนอย่างที่ชาติตะวันตกคาดการณ์ว่าปูตินจะทำ แต่ปูตินยังคงเลือกการสร้าง “ความชอบธรรม” ในการรุกรานยูเครนว่าเป็นไปเพื่อการปราบ “ระบอบนาซี” ในยูเครน และตอบโต้กับ “การเตรียมการรุกราน” จากชาติตะวันตก ภายใต้บริบทที่ปูตินพยายามเชื่อมเหตุการณ์ในยูเครนเข้ากับชัยชนะของโซเวียตเหนือนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาต่อไปว่าปูตินจะประกาศท่าทีใดๆ ในสงครามยูเครนต่อไปในระยะวันหรือสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงหรือไม่
ที่มา: