ไม่พบผลการค้นหา
รู้จัก ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ นักร้อง (เรียน) ค่ายลุง มือสอย ‘นายกฯ’ ทำกับข้าวผ่านจอ จนถึง ‘ว่าที่นายกฯ พิธา’

ชื่อของ ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ มือกฎหมายจากพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังถูกจับจ้องทุกการเคลื่อนไหว จากผลงานที่เดินทางยื่นตรวจสอบแทบทุกหน่วยงานที่มีช่องทาง

วอยซ์พาทำความรู้จัก เจ้าของฉายา ‘แจ็คผู้ฆ่ายักษ์’ จากกรณียื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ ‘สมัคร สุนทรเวช’ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ จนหลุดจากตำแหน่งเนื่องจากทำรายการ ‘ชิมไปบ่นไป’

จนมาถึงคิวของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล ที่เรืองไกรเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากถือหุ้นบริษัท ‘ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น อันเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เรียกได้ว่า สั่นสะเทือนวงการเมืองในห้วงของการจัดตั้งรัฐบาลอย่างหนัก

ชื่อของเขากระฉ่อนในพื้นที่สื่อช่วงปี 2551 ที่เขายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อยเก้าอี้ ‘นายกฯ สมัคร’ ในฐานะที่เขาเป็น ส.ว.จากการสรรหา หลังจากก่อนหน้านั้นอกหักสอบตกในการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อต้นปี 2549 จึงอาจกล่าวได้ว่า เขามีตำแหน่งทางการเมืองจากมรดกรัฐประหารที่โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยแท้

จากนั้นเขาได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยในปี 2557 รวมทั้งสมัครสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติในปี 2561 ก่อนสร้างความฮือฮาด้วยการย้ายข้ามขั้วซบอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในปี 2564 และยังได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ ถ้าจำกันได้ เขาเคยชูป้ายข้อความ ‘นายกฯตู่ อยู่ยาวๆ’ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2565 ในวาระ 2 และ 3

พรรคการเมืองที่เขาเคยสังกัด ผู้นำพรรคต่างเจอเรืองไกรแผลงฤทธิ์ใส่ ด้วยการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการยื่น ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประยุทธ์ , ตรวจสอบประเด็น แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน ของ พล.อ.ประวิตร, การยื่น กกต.ตรวจสอบการถือครองพระบูชาของ ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มูลค่าเกินกฎหมายกำหนด ฯลฯ

และคงเดาไม่ยากว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำอดีตพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงพิธา ผู้นำพรรคก้าวไกล ต่างล้วนเจอเขาร้องเรียนในประเด็นเดียวกัน นั่นคือ ‘หุ้นสื่อ’ ซึ่งเคยทำให้ธนาธรหลุดจากตำแหน่ง ส.ส.มาแล้ว แต่ชะตากรรมของพิธานั้นยังคงไม่มีคำตอบ นอกจากนี้ลุกลามไปถึงการยื่น กกต.ตรวจสอบ ‘MOU’ จัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ที่เรืองไกลระบุว่า อาจเข้าข่ายขัด พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 หรือไม่ เนื่องจากมองว่าเป็นการควบคุม ครอบงำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้ขาดความอิสระไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จึงมีเหตุอันควรให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะนำไปสู่การยุบทั้ง 8 พรรคได้

ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ ว่า "ผมตรวจทุกฝ่าย ผมเดินบนทางสายกลาง วันนี้ผมก็เหมือนนักฟุตบอล ที่เมื่อมาอยู่ค่ายนี้ก็ต้องสู้กับค่ายเก่า นี่มันการเมือง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร ถ้าผมมาอยู่ฝั่งนี้ แล้วผมยังช่วยฝั่งโน้น เขาจะเอาผมเหรอ เขาก็บอกว่าไอ้นี่ไส้ศึก ความซื่อสัตย์สุจริตของคุณอยู่ตรงไหน ผมเป็นคนแทงข้างหลังคนอย่างนั้นได้เหรอ"

info-profile-5.jpg

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

https://www.voicetv.co.th/read/WzH4eb89O