ไม่พบผลการค้นหา
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,600 บาท) เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือน สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันโลก

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 ก.ค.) ดัชนีราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate ร่วงลงมากถึง 10% แตะระดับต่ำสุดที่ 97.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,500 บาท) ก่อนปิดราคาที่ 99.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,590 บาท) ลดลง 8% ในวันเดียวกัน ในขณะที่ดัชนีราคาน้ำมันดิบเบรนต์ลดลงมากกว่า 10% ในราคาต่ำสุดที่ 101.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,640 บาท) ก่อนที่จะปิดราคาลงที่ 102.77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,700 บาท)

นับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมัน West Texas Intermediate ปรับตัวต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. และเป็นครั้งสุดท้ายที่ราคาน้ำมันเบรนต์ซึ่งปกติมีราคาซื้อขายที่สูงกว่า ปรับราคาต่ำลงกว่า 102 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ประมาณ 3,780 บาท) ซึ่งราคาน้ำมันเบรนต์ไม่เคยมีราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ เลยนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติระดับโลกได้ปรับตัวลดลงเกือบ 10% หรือ 36 เซนต์ (ประมาณ 13 บาท) ต่อแกลลอน

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของประเทศต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอนอยู่ที่ 4.80 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 170 บาท) ลดลงหนึ่งเซนต์จากวันจันทร์ (4 ก.ค.) และ 8 เซนต์จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะ 5 เหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในวันที่ 11 มิ.ย. สูงสุดที่ 5.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอนในวันที่ 14 มิ.ย.

ทอม โคลซา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์พลังงานของหน่วยงานข้อมูลราคาน้ำมัน (OPIS) กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันตกต่ำ เมื่อไม่นานมานี้ นักลงทุนด้านน้ำมันเชื่อว่าตลาดแทบจะไม่มีกลไกการควบคุมราคาในระยะสั้น "ขณะนี้ราคาน้ำมันมีความเสี่ยงที่จะลดลงอย่างมาก เนื่องมาจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย" โคลซากล่าว

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความกังวลว่าสหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 8 มิ.ย. ราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 123.58 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,460 บาท) ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมัน West Texas Intermediate อยู่ที่ 122.11 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,400 บาท) ต่อบาร์เรล  แต่หลังจากนั้น ดัชนีราคาผู้บริโภคแสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่กระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละสามในสี่ เพื่อต่อสู้กับแรงกดดันด้านราคาดังกล่าว ทำให้เกิดความคาดหวังว่าการเคลื่อนไหวเชิงรุกของธนาคารกลางเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอาจทำให้เกิดการสูญเสียงานและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

เมื่อต้นปีนี้ ราคาน้ำมันและก๊าซปรับตัวพุ่งสูงขึ้น หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรปประกาศคว่ำบาตรการน้ำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียในฐานะผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกพบเจอกับความยากลำบาก

ภาวะราคาน้ำมันตกต่ำที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ โดยในขณะนั้น ราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 4.11 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 148 บาท) ต่อแกลลอนในเดือน ก.ค. ปี 2551 ก่อนจะลดลง 60% ไปอยู่ที่ 1.62 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 58 บาท) ต่อแกลลอนในช่วงสิ้นปี 2551 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ถูกลงยังเป็นผลดีต่อผู้คนราว 3 ล้านคนที่กำลังตกงานอยู่ในช่วง 5 เดือนนั้น

จนถึงตอนนี้ ผู้ใช้รถค่อนข้างได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมัน และราคาน้ำมันล่วงหน้าที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของก๊าซในประเทศลดลงเพียง 4% หรือ 22 เซนต์ นับตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. โดยสัญญาซื้อขายก๊าซล่วงหน้าปรับตัวลดลง 22% หลังจากมีราคาสูงสุดที่ 4.28 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 154 บาท) ต่อแกลลอนในวันที่ 9 มิ.ย.

ผู้ค้าน้ำมันของสหรัฐฯ แทบไม่มีแรงจูงใจที่จะลดราคาน้ำมัน ท่ามกลางความต้องการน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่มีการใช้รถจำนวนมาก "แทบไม่มีเหตุผลที่ผู้ค้าน้ำมันจะลดราคาด้วยความต้องการน้ำมันที่มากขนาดนี้" โคลซากล่าว

“ราคาน้ำมันอาจลดลงอีกในเร็วๆ นี้ หากจะลดลงอีก 10 เซนต์ต่อแกลลอนในสัปดาห์หน้าก็ไม่น่าแปลกใจ โดยเจ้าของปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งจะเฝ้าดูการกำหนดราคาน้ำมันของคู่แข่ง ก่อนจะกำหนดราคาของตน แต่ภาวะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ลดลงมาอย่างช้า ๆ อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” โคลซากล่าวเสริม

นอกจากนี้ โคลซาคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะไม่มีการปรับตัวลดลงจำนวนมาก จนกว่าโรงเรียนจะเปิดเทอม และมีการใช้รถมากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะมีการขึ้นราคาการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ที่สืบเนื่องมาจากสงครามในยูเครน หรือพายุเฮอริเคนที่พัดถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของสหรัฐฯ ตามแนวชายฝั่งอ่าว ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง


ที่มา: 

https://edition.cnn.com/2022/07/05/economy/oil-prices-100-barrel/index.html