จำเลย 5 รายในคดีค้ามนุษย์และแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่นโดยมิชอบ หญิงไทย 4 ราย และชายชาวเยอรมัน 1 ราย ถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้ว ในการปฏิบัติการสืบค้นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำรวจเยอรมนี โดยการพิจารณาคดีนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม ณ ศาลเมืองฮาเนา (Hanau) ประเทศเยอรมนี
คณะอัยการระบุว่ากลุ่มจำเลย ซึ่งมีอายุระหว่าง 49 ถึง 60 ปี เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ดำเนินกิจการสถานบริการทางเพศ ซึ่งสตรีในสถานบริการนั้นถูกบีบบังคับให้ทำงานในระบบหมุนเวียนงาน
ตามข้อกล่าวหานั้น ผู้เสียหายถูกลักลอบพาตัวเข้าประเทศด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวปลอม และในทีแรกจะถูกบังคับให้ทำงานในสถานบริการทางเพศ 3 แห่งใน ซีเกิน (Siegen) ทางตะวันตกของเยอรมนี ก่อนจะถูกนำตัวไปที่อื่น ผู้เสียหายซึ่งหลายรายเป็นหญิงข้ามเพศ ให้การว่าหนังสือเดินทางและเงินค่าจ้างถูกยึดไว้
การค้าบริการทางเพศเป็นเรื่องถูกกฎหมายในเยอรมนีตั้งแต่ปี 2002 ทว่ากลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่จ่ายค่าจ้างให้กับสตรีผู้ค้าบริการ คณะอัยการระบุว่ากลุ่มผู้ต้องหายึดเงินค่าจ้างไว้โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าสู่พื้นที่เชงเกนของยุโรป และเป็นค่าพักอาศัย แม้จะทราบดีว่าจะต้องทำงานในสถานบริการ แต่พวกเธอถูกหลอกลวงเรื่องเงื่อนไขการทำงานและค่าจ้างซึ่งถูกยึดไปทั้งหมด
จำเลยทั้ง 5 รายถูกตั้งข้อหาค้ามนุษย์และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยจำเลย 2 รายถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษีด้วย บางรายอาจมีโทษจำคุกสูงถึง 15 ปี
การปฏิบัติการเป็นวงกว้างของตำรวจเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้ถูกกักตัวกว่าร้อยรายในการบุกจับกุมองค์กรอาชญากรรมค้ามนุษย์และบังคับให้ค้าบริการทางเพศ โดยเจ้าหน้าที่ 1,500 ราย บุกค้นสถานบริการทางเพศและแฟลตกว่า 60 แห่งใน 12 รัฐจากทั้งหมด 16 รัฐในเยอรมนี รวมถึงกรณีของจำเลยทั้งห้าในครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นภายหลังบรรดา ส.ส. เยอรมันเพิ่มระดับความเข้มงวดของกฎหมายในการจัดการกับการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ภายใต้กฎหมายนี้ ผู้ให้บริการทางเพศต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และการซื้อบริการจากผู้ถูกบังคับให้ค้าบริการทางเพศถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย