ไม่พบผลการค้นหา
นักศึกษา ม.อ. ถูก ตร.ล้อมจับคดี ม.112 เหตุถ่ายภาพจุดต่างๆ ในเมืองพัทลุง พร้อมใส่ข้อความการเมืองโพสต์เฟซบุ๊กช่วงปี 63 ก่อนได้ประกันตัว - ด้านองค์การ นศ.แถลงการณ์ประณาม ตร.ใช้ ม.112 จำกัดความคิด นศ.

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เมื่อ 23 พ.ย. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 10 กว่านาย เข้าจับกุม ศุภกร ขุนชิต นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่ลานจอดรถหน้าอาคารศูนย์กีฬา โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 และมาตรา 116 เหตุถ่ายภาพจุดต่างๆ ในเมืองพัทลุง พร้อมใส่ข้อความการเมืองโพสต์ช่วงปี 63 ก่อนนำตัวไปยัง สภ.เมืองพัทลุง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ

โดย ศุภกรเล่าว่า หลังจากที่ตนเดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเสร็จ มีเจ้าหน้าที่ 3-4 คน เข้ามารุมล้อมตน พร้อมแสดงหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดพัทลุง ลงวันที่ 13 ส.ค. 2564 ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกไม่ต่ำกว่า 7-8 นาย ออกมาจากรถ เข้ามาล้อมตนเพิ่ม และนำตัวไปยัง สภ.เมืองพัทลุง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ แต่ยังไม่ได้มีการสอบปากคำใดๆ ในวันแรก เนื่องจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีไม่อยู่ ตนจึงถูกคุมตัวเข้าไปยังห้องขังของสถานีตำรวจ และถูกคุมขังก่อนหนึ่งคืน

ศุภกรระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขั้นทำให้ตนรู้สึกตกใจ เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ตนยังไม่เคยได้รับหมายเรียกใดๆ มาก่อนหน้านี้ จึงได้ขอตำรวจนั่งลงตั้งสติก่อน พร้อมขอติดต่อทนายความและเพื่อน ซึ่งตำรวจอนุญาต แต่ไม่อนุญาตให้นั่งรอทนายความเดินทางมาที่มหาวิทยาลัย เพราะจะนำตัวไปที่ สภ.คอหงส์ จังหวัดสงขลา เพื่อทำบันทึกจับกุมทันที

พ.ต.ท.นพรัตน์ แก้วใจ พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาใน 3 ข้อกล่าวหาตามหมายจับดังกล่าวแก่ศุภกร โดยตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป

โดยพฤติการณ์ที่ตำรวจกล่าวหาโดยสรุประบุว่า เมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ได้มีกลุ่มบุคคลขับขี่รถยนต์เพื่อถ่ายรูปสถานที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน และอำเภอศรีนครินทร์ จากนั้นได้ใส่ข้อความในภาพดังกล่าว รวมทั้งหมด 15 ภาพ แล้วโพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และ “ประชาธิปไตยในด้ามขวาน” ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าภาพและข้อความดังกล่าวเป็นการดูหมิ่น และใส่ความพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี ทำให้พระองค์ท่านเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

ศูนย์ทนายฯ รายงานต่อว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ระบุข้อความที่ใส่ในภาพในบันทึกการขอฝากขัง แต่ระบุไว้ในบันทึกการสอบปากคำแทน โดยหลายข้อความไม่ได้เข้าข่ายข้อกล่าวหาข้างต้นแต่อย่างใด อาทิ “เผด็จการจงพินาศ เป็ดก๊าบ ก๊าบจงเจริญ”, “1 2 3 4 5 ไอเหี้ย”, “#ภาษีกู #ภาษีกู #ภาษีกู”, “ก็เสียภาษีเหมือนกัน ทำไมถึงไม่มีรถไฟฟ้าให้ดูที่บ้านเราบ้าง”, “#เราต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา”, “ประชาชนเท่ากับเจ้าของประเทศ”

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดพัทลุงผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยอ้างเหตุว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปาก และรอผลตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหา ทั้งยังขอคัดค้านการประกันตัว โดยอ้างว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไป เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น

ศุภกร ระบุหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่ตน “รับไม่ได้” คือเรื่องการถูกล้อมจับกุมโดยเจ้าหน้าที่จำนวนมาก โดยที่ไม่เคยมีหมายเรียกมาก่อน ทั้งเดือนก่อนหน้านี้ตนก็เพิ่งไปพบเจ้าหน้าที่มาในคดีคาร์ม็อบ แต่กลับไม่มีการแสดงหมายจับคดีนี้ และการถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปคุมขังในห้องขังของสถานีตำรวจ ซึ่งตนรับไม่ได้กับสภาพห้องขัง ทั้งยังถูกขังก่อน โดยยังไม่ทราบรายละเอียดข้อกล่าวหาใดๆ เจ้าหน้าที่ยังห้ามใครเยี่ยมด้วย โดยมีการอ้างเรื่องเกรงว่าจะมีการถ่ายภาพ แล้วนำไปโพสต์ให้เกิดความแตกแยก แต่ตนพบว่าผู้ถูกควบคุมตัวในคดีอื่นๆ นั้น ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้

ขณะเดียวกัน ศุภกรยังมีอาการไข้เล็กน้อย อันเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ทำให้ต้องรับประทานยาลดไข้ในคืนที่ถูกคุมขังด้วย ส่วนในทางคดี ศุภกรระบุว่าพร้อมต่อสู้ในกระบวนยุติธรรมต่อไป


องค์การนักศึกษา ม.อ. ประณาม ตร.ใช้ ม.112 จับจำกัดความคิด นศ.

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์บุกจับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ล่าสุดองค์การนักศึกษาและสภานักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ออกแถลงการณ์ 'ประณามการจับกุมนักศึกษาที่แสดงออกทางการเมือง' โดยมีรายละเอียดดังนี้

จากเหตุการณ์การเข้าจับกุมนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขณะที่กําลังเข้ารับการฉีดวัคซีน COVID-19 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจ ซึ่งการใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อจับกุม นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง นับเป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักเสรีภาพของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามหลักการของประชาธิปไตย

ทั้งนี้การใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นสร้างผลกระทบอันเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นไปตาม หลักนิติรัฐและนิติธรรม ทั้งยังเป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม ในด้านของหลักความเสมอภาค (Principle of Equality) หลักความเป็นอิสระ (Principle of Independence) และหลักความเป็นกลาง (Principle of Neutrality) ที่เป็นหลักสากลในการบังคับใช้กฎหมายในประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตย อีกทั้งยังก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อการดําเนินการจับกุมดังกล่าวเป็นไปโดยคํานึงถึงความยุติธรรม ความเหมาะสม และสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะการดําเนินคดีทางอาญานั้นต้องให้ความสําคัญกับการอํานวย ความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการรักษาไว้ซึ่งหลักกฎหมาย

ด้วยเหตุนี้ สภานักศึกษา องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ ในฐานะที่เป็นผู้แทนนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์สําคัญ ประการหนึ่ง คือ การทําให้นักศึกษาตระหนักถึงการใช้สิทธิเสรีภาพและมีอุดมการณ์ยึดมั่นในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีหน้าที่สําคัญในการพิทักษ์สิทธินักศึกษา จึงขอประณามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ในการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายอื่นที่มีโทษทางอาญาในการดําเนินคดีเพื่อจํากัด ความคิดเห็นทางการเมืองของนักศึกษาและประชาชน

"Freedom means to build a democratic system enshrined with the respect for fundamental

rights of Man, of the human being, of the individuals.”- (Xanana Gusmão, 2002)

องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564