นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ในฐานะประธานการประชุมวิปฝ่ายค้าน แจ้งต่อที่ประชุมว่า สำหรับการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ มาตรา 152 ได้รับแจ้งจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ว่า จะมีการบรรจุระเบียบวาระตามขั้นตอน แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายใน 2 ประเด็นคือ การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามมาตรา 161 และ การไม่ชี้แจงที่มารายได้ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาตรา 162
นายสุทิน กล่าวว่า ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับคณะทำงานของประธานสภา ถึงกรอบการอภิปราย ว่าจะทำได้ประการใด ซึ่งได้รับการประสานงานเบื้องต้นว่า เนื่องจากการอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ อาจต้องใช้หลักเกณฑ์ระหว่างการตั้งกระทู้ถามสด กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในส่วนของฝ่ายค้าน การอภิปรายไม่น่าจะถูกจำกัดกรอบมากนัก ขออภิปรายให้กว้างมากที่สุด โดยขยายจากสองประเด็นหลัก ซึ่งกรอบเวลาจะใช้ 1 หรือ 2 วัน นั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาเป็นหลัก
นายสุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านจะดำเนินการรวบรวมรายชื่อ ส.ส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของทั้งหมด เพื่อยื่นเรื่องผ่านนายชวน ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า การออกพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 คาดว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ภายในวันนี้ 14.00 น. และยื่นให้นายชวนเวลา 15.00 น. ต่อไป
“เราต้องทำเป็นบรรทัดฐาน จัดระเบียบนิติรัฐนิติธรรมกันใหม่ เมื่อยื่นให้กับประธานสภาไปแล้ว สภาก็จะต้องชะลอการพิจารณาพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะเข้าสู่การพิจารณาต่อไป แต่หากขัดรัฐธรรมนูญก็ถือว่า พ.ร.ก.ตกไป ซึ่งตามวัฒนธรรมการเมือง หากถูกสภาตีตก รัฐบาลจะรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่หากถูกตีตกโดยศาลรัฐธรรมนูญนั้นยังไม่เคยมี แต่ไม่ว่าพ.ร.ก.จะตกไปในชั้นศาลรัฐธรรมนูญหรือสภา ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล รัฐบาลต้องลาออก ไม่ใช่ยุบสภา” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า เบื้องต้นทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เห็นตรงกันว่า การตราพ.ร.ก.ดังกล่าว ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ม.172 ที่มีเงื่อนไข 4 ประการคือ 1.เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ 2.ความปลอดภัยสาธารณะ 3.ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ 4.การปัดป้องภัยพิบัติสาธารณะ ซึ่งจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นของการตราพ.ร.ก.ดังกล่าว เกิดจากความไม่พร้อมของภาครัฐในการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :