ไม่พบผลการค้นหา
เบนนี แกนต์ซ สมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลออกมากล่าวเตือนว่า การรุกพื้นที่ราฟาห์ เมืองทางตอนใต้ของฉนวนกาซาจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เว้นแต่ว่ากลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกจับไว้ในฉนวนกาซาออกมา

การประกาศในครั้งนี้ของแกนต์ซ นับเป็นการประกาศวันเวลาในการรุกคืบพื้นที่เป็นครั้งแรกของอิสราเอล ในขณะที่ผู้นำทั่วโลกฝ่ายค้านทั่วโลกได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านการรุกเมืองราฟาห์ ซึ่งปัจจุบันมีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.5 ล้านคนกำลังหลบภัยอยู่อย่างแออัด

ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าโรงพยาบาลสำคัญในฉนวนกาซาได้หยุดให้บริการแล้วภายหลังการโจมตีของอิสราเอล นอกจากนี้ WHO ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังโรงพยาบาลนัสเซอร์ในเมืองข่าน ยูนิส ทางตอนเหนือของพื้นที่ราฟาห์ เพื่อทำการประเมินสถานการณ์ผลกระทบ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (15 ก.พ.) กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้บุกเข้าไปในพื้นที่โรงพยาบาลนัสเซอร์ โดยกองกำลังอิสราเอลกล่าวอ้างว่า หน่วยข่าวกรองอิสราเอลได้รับข้อมูลว่ามีกลุ่มฮามาสจับตัวประกันอิสราเอลเอาไว้ที่นั่น

IDF กล่าวอ้างถึงการทำปฏิบัติการในโรงพยาบาลนัสเซอร์ว่าเป็นไปด้วยความ "แม่นยำและจำกัด" โดยอิสราเอลยังกล่าวหากลุ่มฮามาสว่า "ใช้โรงพยาบาลเพื่อการก่อการร้ายอย่างเหยียดหยาม"

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 ก.พ.) แกนต์ซ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมกล่าวว่า "โลกต้องรู้ และผู้นำฮามาสต้องรู้ ถ้าก่อนเดือนรอมฎอน ตัวประกันของเราไม่ได้กลับมาอยู่บ้าน การต่อสู้จะดำเนินต่อไปทุกหนทุกแห่ง ครอบคลุมพื้นที่ราฟาห์ด้วย" ทั้งนี้ รอมฎอน เป็นเดือนถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งในปีนี้จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 มี.ค.

แกนต์ซกล่าวเสริมว่าอิสราเอลจะกระทำการ “ในลักษณะที่มีการประสานงานกัน โดยอิสราเอลจะอำนวยความสะดวกในการอพยพพลเรือนในการเจรจากับพันธมิตรอเมริกันและอียิปต์ของเรา เพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด”

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของอิสราเอล โดยคณะรัฐมนตรีสงครามดังกล่าวก่อตั้งขึ้น ในช่วงหลายวันหลังจากที่กลุ่มมือปืนที่นำโดยกลุ่มฮามาสบุกเข้าโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,200 ราย และฮามาสยังมีการจับตัวประกันไปอีก 253 ราย โดยปัจจุบันนี้ อิสราเอลเชื่อว่าฮามาสยังคงจับตัวประกันเอาไ้วอยู่กับตัวเองประมาณ 130 คนในฉนวนกาซา

ปัจจุบันนี้ เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ก่อนที่เดือนรอมฎอนจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ รายงานจากพื้นที่ราฟาห์ระบุว่า มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง โดยพวกเขามุ่งหน้าไปทางพื้นที่ตะวันตกสู่ชายฝั่ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงรออยู่กับที่ เนื่องจากพวกเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อไป

แม้จะมีแรงกดดันจากต่างประเทศ แต่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการโจมตีภาคพื้นดินในราฟาห์ เพื่อกำจัดกลุ่มฮามาสทั้งหมด

อียิปต์และประเทศอาหรับอื่นๆ บางประเทศเตือนในหลายโอกาสว่า การโจมตีของอิสราเอลในเมืองราฟาห์อาจมีความเสี่ยงที่จะผลักดันชาวปาเลสไตน์จำนวนมากให้อพยพเข้าสู่อียิปต์ ซึ่งอียิปต์ระบุว่าพวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังระบุว่าหากราฟาห์ถูกโจมตี การโจมตีดังกล่าวจะ “ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง” ต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง 

ในระดับสากล มีการเรียกร้องให้อิสราเอลงดเว้นการโจมตีราฟาห์ ซึ่งชาวปาเลสไตน์ต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ หลังจากการรุกตอบโต้ของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาสตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ซึ่งปัจจุบันนี้ส่งผลให้หลายพื้นที่ในฉนวนกาซาถูกทำลายลงไปอย่างมาก

ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาส ในปัจจุบันนี้ มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 28,400 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกสังหาร และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 68,000 คน นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซากล่าวว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 127 คนถูกสังหารและอีก 205 คนได้รับบาดเจ็บในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แม้จะมีการสู้รบอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซา แต่มีหลายชาติที่ยังพยายามในการเป็นตัวกลางการเจรจาการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ที่ยังคงดำเนินไปในกรุงไคโรในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าชาติตัวกลางผู้เจรจาไกล่เกลี่ยจะกล่าวว่าความคืบหน้าในการเจรจา "ไม่มีแนวโน้มมากนัก"

ในทางตรงกันข้าม เนทันยาฮูกล่าวว่าเขาได้ส่งผู้เจรจาตามคำขอของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เนทันยาฮูกล่าวเสริมว่า ผู้เข้าร่วมการเจรจาจากอิสราเอลไม่ได้กลับมาหารือเพิ่มเติมกับรัฐบาลของเขา เพราะข้อเรียกร้องของกลุ่มฮามาสนั้นเป็น "ภาพลวงตา"

ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสกล่าวโทษอิสราเอลว่าขาดความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-middle-east-68334510?fbclid=IwAR1EVO2uDguRvG5bwLuRTFMoXr0rAGLg5H0_LuGs8njPnIo0QPvP0gwlVvc