วันที่ 18 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงภาพรวม 3 คืนของนโยบายปิดสถานบันเทิงเวลา 04.00 น. ว่า ยังไม่พบปัญหา ซึ่งผู้ที่ประกอบอาชีพในสถานบันเทิง และประชาชนในละแวกนั้นต่างพอใจ เพราะมีชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น เป็นการสร้างรายได้ และการหมุนเวียนของเงินเพิ่มมากขึ้น
อนุทิน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ไปตรวจตามสถานบันเทิง เห็นได้ชัดเจนว่า ทุกฝ่ายมีความตั้งใจจะปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อสอบถามนักเที่ยวที่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็บอกว่า เตรียมตัวมาอย่างดี หากเมาก็ไม่ขับรถ นั่งแท็กซี่กลับ ส่วนผู้ประกอบการก็ให้คำยืนยันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย คุมเข้มคนที่จะเข้าใช้บริการ ต้องตรวจบัตรประชาชนตัวจริงเท่านััน ไม่ใช่ผ่านมือถือ
รวมถึงให้ชุดรักษาความปลอดภัยของผับดูแลความเรียบร้อย ตรวจค้นอาวุธผู้ใช้บริการทุกราย หากผู้ใช้บริการมีสภาพเมาหนัก ไม่พร้อมที่จะกลับบ้านเองได้ ก็จะหยุดให้บริการ ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหั
ส่วนจะขยายพื้นที่เพิ่มเติมหรือไม่นั้น อนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เช่น กรุงเทพฯ 3 โซน ตามโซนนิ่ง สถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดตามกฎหมาย ส่วนต่างจังหวัดเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวตามหัวเมืองใหญ่ หากทุกอย่างจัดระเบียบได้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม อะไรก็จะเป็นไปได้หมด เพราะอยากเปิดโอกาสให้คนทำมาหากินได้มากขึ้น
อนุทิน กล่าวถึงกรณีที่ลูกหนี้นอกระบบขับรถกระบะพุ่งชนคนทวงหนี้เสียชีวิตที่ จ.นนทบุรี ว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และการปกครองเข้าไปไกล่เกลี่ย โดยต้องดูว่า ลูกหนี้จ่ายเฉพาะดอกเงินต้นหรือไม่
อนุทิน เปิดเผยอีกว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา รวมทั้งทั้งอัยการหากมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายเข้ามาดูแล รวมถึงจะสามารถดึงหนี้นอกระบบเข้ามาในระบบได้อย่างไร สถาบันการเงินของรัฐจะช่วยอย่างไร ซึ่งตอนนี้รายละเอียดจะต้องรอหลังการประชุมคณะกรรมการจัดการหนี้นอกระบบ
ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนหนี้นอกระบบที่ใช้หนี้ไปแล้ว แต่ยอดไม่ลด อนุทิน ย้ำว่า ต้องพูดคุยกับเจ้าหนี้ว่ามีการจ่ายหนี้ไปแล้วกี่รอบ เจ้าหนี้จะต้องมีการบันทึกเอาไว้ หากจ่ายต้นไปหลายรอบก็ควรจะจบ เพราะดอกเบี้ยที่คิดเกินเจ้าหนี้ไม่มีการจ่ายภาษี ก็จะโดนเพิ่ม
อนุทิน กล่าวถึงกรณีที่ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า มีข้าราขการกระทรวงมหาดไทยช่วยผู้บริหารระดับสูงรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่แก้ไขเปลี่ยนแปลงสูติบัตร และบัตรประชาชนเพื่อขยายระยะเวลาเกษียณอายุราชการ
โดย อนุทิน ยืนยันว่า ได้รับรายงานแล้ว และใครทำผิดก็ต้องรับโทษต่อไป ซึ่งมันเป็นปกติที่ใครทำผิดก็ต้องไปสืบสวน และรับโทษต่อไป