นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบล้นตลาดและราคาตกต่ำ กระทรวงพลังงานได้หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ให้กับกลุ่มรถบรรทุกขนส่งสินค้า รถโดยสาร เรือโดยสาร และล่าสุดขยายมายังรถกระบะ ซึ่งได้เร่งหารือกับผู้จำหน่ายรถกระบะแต่ละค่าย เพื่อให้การรับรองการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถ
โดยวางเป้าหมายการจำหน่ายน้ำมัน บี 20 ไว้ที่ 15 ล้านลิตรต่อวัน และ บี 7 ที่ 50 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะทำให้สามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้ 2 ล้านตันต่อปี และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันของประเทศ
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมัน บี 20 ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลปกติ 5 บาทต่อลิตร จากเดิมต่ำกว่า 3 บาท โดยมีผลต่อเนื่องไปถึงวันที่ 31 ก.ค. 2562 โดยคาดว่าจากการปรับลดราคาในครั้งนี้ จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมัน บี 20 เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย คือ 3 ล้านลิตรต่อวัน จากเดิมที่มีการใช้อยู่ที่ 1.4 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ กล่าวว่า พีทีที โออาร์ ได้สนับสนุนการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล บี 100 ในสัดส่วนที่สูงขึ้นมาโดยตลอด ได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 3 บี 5 บี 7 จนถึง บี 10 และ บี 20 ในปัจจุบัน
โดยจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ให้กับกลุ่มลูกค้าขนส่ง รถโดยสารสาธารณะ ขสมก. และ บขส. และรถกระบะ รวมถึงเปิดจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ภายในสถานีบริการน้ำมันเป็นรายแรกของประเทศ ปัจจุบัน ยอดจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ของ พีทีที โออาร์ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2561 - พ.ค. 2562 มีปริมาณรวม 38 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 3,800,000 ลิตรต่อเดือน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ยอดจำหน่าย บี 20 เพิ่มเป็นประมาณ 12 ล้านลิตร/เดือน จากยอดจำหน่ายกลุ่มลูกค้าขนส่งที่เติบโตขึ้น และจากการเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่จำหน่าย บี 20 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีการใช้น้ำมันปาล์มดิบไปแล้วกว่า 6,500 ตัน
ทั้งนี้ พีทีที โออาร์ มีแผนขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการแล้ว 33 แห่ง เป็น 100 แห่ง ภายในปี 2562
ด้านบริษัทตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า อีซูซุได้ปรับเครื่องยนต์ที่จะออกใหม่ทุกรุ่นให้สามารถรองรับ บี 20 ทั้งรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ และเริ่มขยายไปสู่รถขนาดเล็ก คือ รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ รุ่นปี 2012 - 2019 รวม 20 รุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ อีซูซุมิวเอ็กซ์ รุ่นปี 2014 - 2019 รวม 12 รุ่น แต่ต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับรถแต่ละรุ่น โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนบางอย่าง และเพิ่มความถี่ในการบำรุงรักษา โดยลูกค้าอีซูซุสามารถนำรถเข้าเตรียมความพร้อมได้ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบจากการใช้งานในภายหลัง โดยหากมาตรการจูงใจทั้งหมดนี้สามารถทำได้เต็มรูปแบบ คาดว่าจะสามารถรองรับน้ำมันปาล์มดิบได้ปีละมากกว่า 1,270,000 ตัน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้แน่นอน