ในช่วงกว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมายอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในเกาหลีใต้มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเมื่อวันอังคาร (10 มี.ค.) จะมี Super Speader (ผู้ที่แพร่เชื้อ) ในกรุงโซลแต่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่ำกว่า 300 รายในแต่ละวัน (เกาหลีใต้เคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึง 900 รายภายใน 24 ชม.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 7,800 ราย ซึ่งกว่า 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้ออยู่ในเมืองแทกูและทางตอนเหนือของจังหวัดคยองซังที่ติดเชื้อจาก Super Speader จากลัทธิชินชอนจิ
พัค นยองโฮ รัฐมนตรีสาธารณสุขของเกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า 'คาดว่าเกาหลีใต้ได้ผ่านพ้นช่วงระยะของการระบาดสูงสุดมาแล้ว'
รมต.สธ.ของเกาหลีใต้ ยังกล่าวว่า การตรวจและค้นหาผู้ติดเชื้อในช่วงแรกเริ่มเป็นสิ่งสำคัญ เกาหลีใต้ได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่าย รวดเร็วและเป็นวงกว้าง ดังนั้นการยกระดับการค้นหาผู้ติดเชื้อจึงสำคัญ ซึ่งจะทำให้สามารถระบุจำนวนผู้ติดเชื้อได้และส่งผลต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ใช้รูปแบบของระบบ drive-through เพื่อตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ ซึ่งระบบสามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อได้วันละหลายพันคน รวมไปถึงการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีกับประชาชนทุกคน พร้อมยังออกมาตรการติดตามสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อทุกราย โดยเฉพาะสมาชิกลัทธิชินชอนจิที่มีมากกว่า 200,000 คนในเมืองแทกูและทางตอนเหนือของจังหวัดคยองซัง
(การตรวจหาผู้ติดเชื้อในระบบ drive-through ซึ่งมีกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการสัมผัสและตรวจหาเชื้อได้อย่างรวดเร็ว)
ประชาธิปไตยและภาคประชาชนที่เข็มแข็ง
บทความในวอชิงตันโพสต์กล่าวว่า การที่ประเทศเกาหลีใต้สามารถรับมือกับการระบาดได้อย่างเข้มแข็งนั้นเป็นเพราะการเปิดพื้นที่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
ที่ผ่านรัฐบาลของประธานาธิบดีมุนแจอินได้รับการวิจารณ์ถึงมาตรการรับมือกับการระบาดในช่วงต้นที่มีการระบาดในเมืองแทกูจนเกิดการลงชื่อถอดถอนประธานาธิบดีมุนแจอินในเว็บไซต์ของรัฐบาล มากกว่า 1,400,000 รายชื่อ
บทความนี้ยังชี้ให้เห็นว่าความเป็นประชาธิปไตยก่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสิทธิของประชาชนกับความรับผิดชอบของรัฐบาลในการดูแลประชาชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เนื่องจากรัฐบาลประชาธิปไตยได้มอบสัญญาประชาคมให้กับสังคมและประชาชนมอบความรับผิดชอบและความไว้วางใจในการทำงานให้กับรัฐบาลเช่นกัน
สำหรับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของเกาหลีใต้มุ่งเน้นไปที่ 'การศึกษากับประชาชน ให้ข้อมูลรายละเอียดอย่างโปร่งใส และการขับเคลื่อนของภาคประชาสังคม' ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างจากทางการจีนที่ออกมาตรการบังคับให้ประชาชนนับล้านคนกักตัวอยู่บ้าน บังคับหรืออุ้มหายสำหรับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจีน
ทั้งนี้มาตรการขอรัฐบาลเกาหลีใต้ที่เน้นถึงการให้ข้อมูลและรายละเอียดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างโปร่งใส ทั้งการติดตามผู้ติดเชื้อด้วยระบบ GPS การอัปเดตของมูลของผู้ติดเชื้อแบบเรียลไทม์และแสดงสถานที่หรือบริเวณที่ผู้ติดเชื้อเดินทางไป ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและหลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าวที่มีผู้ติดเชื้อได้
นอกจากนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีมาตรการขอความร่วมมือประชาชนให้ออกจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดอย่างเมืองแทกูด้วยเช่นกัน
ขณะที่ภาคประชาชนสังคมของเกาหลีใต้ที่พร้อมใจให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการยกเลิกการจัดกรรมที่รวมตัวกันหมู่มาก รวมไปถึงโบสถ์ต่างๆ ในเกาหลีที่หันมาจัดกรรมในรูปแบบออนไลน์แทน หรือแม้แต่ในภาคเศรษฐกิจที่จะเห็นว่ามีการร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องกันหรือควบคุมการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ทั้งการเปิดพื้นที่ให้เป็นสถานที่กักตัว หรือการบริจาคเงินเพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้ในการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส เป็นต้น
มาตรการต่างๆ ของเกาหลีใต้ที่ดำเนินมาเพียงระยะเวลา 2 สัปดาห์ ทำให้เกาหลีใต้สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าในวันนี้เกาหลีใต้จะมียอดผู้ติดเชื้อกว่า 7,800 ราย แต่ยอดผู้เสียชีวิตของเกาหลีใต้กลับมีเพียง 66 รายเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ายอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในจีนและอิตาลี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง