พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปที่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมสัมมนา "การพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นสู่ความเป็นเมือง ตามหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นไทย" พร้อมกล่าวปาฐกถา "บทบาท อบต.กับการพัฒนาฐานรากประเทศไทย" โดยมี ผู้บริหาร อบต. 5,300 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการสัมมนา
โดยสมาคม นายกฯ อบต. แห่งประเทศไทย เสนอข้อเรียกร้อง เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรค และ สร้างความเสมอภาค ของ สมาชิก อบต. โดยขอให้แก้ไขปัญหาการทำงาน ของอบต. ทั้งการกระจายอำอาจ การบริหารงานบุคคลจากส่วนกลางให้ท้องถิ่นสรรหาบุคลากรได้เอง ขอเพิ่ม ค่าตอบแทน ผู้บริหาร และ สมาชิก อบต. ขอสวัสดิการเบิกค่าเล่าเรียนบุตร เพิ่มสัดส่วนการพัฒนา ท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณ สำหรับ อบต.ที่ได้งบประมาณ ไม่ถึง 30 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งบประมาณ โดยให้ มหาดไทย ประสานไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อ สามารถคิดเลือก ผู้รับจ้างงาน ในวงเงินไม่เกิน 5 ล้าน เพื่อให้ท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐใช้งบประมาณ ได้อย่างรวดเร็ว และกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการใช้งบประมาณจากภาครัฐ
พล.อ.อนุพงษ์ ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพิ่งเคยพบกับผู้นำท้องถิ่นเยอะขนาดนี้ รู้สึกภูมิใจที่ผู้บริหารท้องถิ่น ปฏิญาณตน ว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะนั่นคือดวงใจหลักของการบริหารงานท้องถิ่น พร้อมยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญและ นึกถึงหน่วยงานท้องถิ่นเสมอ ว่ามีอุปสรรค ปัญหา ในการทำงานอย่างไรบ้าง ซึ่งก็จะต้องพูดคุย นำปัญหาต่างๆ ไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่ได้มั่งหวังทางการเมือง ดังนั้นสามารถพูดได้ทุกอย่าง อย่างเต็มที่ ยืนยัน การเมืองไม่ใช่อนาคตของตนเอง และไม่มีนัยยะอื่น นอกจากการทำงานเป็นหลัก และงานที่ตนเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องปรารถนาที่จะ ทำให้ดีที่สุด การเดินทางมาเชียงใหม่วันนี้ เพื่อรับฟังปัญหา มองการทำงาน ของทุกภาคส่วน ไม่ได้มีนัยยะอะไรทั้งสิ้น
พล.อ.อนุพงษ์ รับปาก กับ ผู้บริหาร อบต. จะเร่งพิจารณา ปรับปรุงเพิ่มค่าตอบแทน ผู้บริหาร และ สมาชิก อบต.ให้ แน่นอน แต่เท่าไหร่ ต้องไปดูกันอีกที เพราะ ค่าตอบแทนที่ได้ทุกวันนี้ น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำซึ่งไม่สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมสั่งการให้ ผู้บริหารท้องถิ่น ทำหนังสื่อราขการ ร่างหลักเกณฑ์ การพิจารณา ค่าตอบแทน พร้อมพูดติดตลกว่า “คนที่เป็นผู้นำชุมชน ไม่มีค่าตอบแทน ก็จะมาถลกหนังหัวตนอีก” ส่วนเรื่องการเพิ่มบุคลลาการ ไม่น่าจะทำได้ เพราะ งบประมาณสำหรับบุคลากร เต็ม 40% แล้ว หากเกินกว่านี้ สังคมจะรับไม่ได้ ข้าราชการ1 คนตั้งแต่บรรจุจนถึงเกษียณ จะใช้งบประมาณ ถึง 30 ล้านบาท และเห็นว่า บางตำแหน่ง ท้องถิ่นไม่ควรทำเอง เพราะ ไม่ใช่งานที่ถนัด ต้องให้หน่วยงานที่ชำนาญ มาทำเพื่อให้เกิดการพัฒนา อย่างมีศักยภาพ เช่นงานด้านโยธา
ยืนยัน ตนเองไม่ใช่ศัตรูกับ อบต. การเข้ามาอยู่ตรงนี้มาจากปัญหาการทุจริตมหาศาล มีการบรรจุ ญาติพี่น้องเข้ามาทำงาน จำนวนมาก จึงแก้ปัญหาด้วยการให้หน่วยงานกลางดำเนินการจัดการสอบ เพราะหาก ท้องถิ่นจะเปิดสอบเอง จะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ คุณสมบัติ ตรงกับงานที่จะเข้ามาทำงาน
พร้อมขอ อบต.อย่าหงอย ขอให้ทำงานต่อไป คำพูดของตนเองไม่ได้เอาใจใคร แต่ ต้องให้งบประมาณ ไปดูแลประชาชน ยืนยัน ต้องดูแลพี่น้องประชาชนเท่ากัน
พร้อมฝากการบ้านถึง ผู้บริหารท้องถิ่น พยายามหารายได้ เพิ่มเติมมาอุดหนุน หน่วยงานของตนเอง เพื่อนำกลับมาพัฒนา หรือ บาง อบต. อาจจะควบรวมกัน ยกระดับขึ้นเป็นเทศบาล เพื่อรวมงบประมาณ ให้ได้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังเปิดว่า สัปดาห์หน้า ที่ประชุม ครม จะอนุมัติเงินเยียวยาน้ำท่วม โดยแบ่งเป็น ครอบครัวละ 5,000 บาท 7,000 บาทและ 9,000 บาทแล้วแต่ระยะเวลาที่ได้รับผลกระทบ พร้อมย้ำว่าจะพิจารณาเพิ่มฐานค่าตอบแทนให้ แต่รายได้ก็ขึ้นอยู่กับจะหาได้ในแต่ละพื้นที่ และบอกว่คนไทยอยู่ได้ด้วยการถ้อยที่ถ้อยอาศัย ซึ่งตนก็เป็นคนแก่คนหนึ่ง ที่ ยากบอกท่านว่า ผมก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกับท่านนั่นแหละ
“แต่เชียร์นะ ในอีกไม่กี่เดือนผม ผมก็อยู่เชียร์ท่าน แล้ววันหนึ่งผมก็จะไปเดินกินก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ท่าน เป็นตาแก่คนหนึ่ง ก็ดูแลด้วย โกรธก็อย่ามาแตะ มาต่อย แตะไปก็เปลืองแรงเปล่าๆ เดี่ยวก็ตายแล้วไม่เกิดประโยชน์กับตัวท่านเอง เอาไว้ดูแลกัน ด้วยความจริงใจ ท่านมีจิตใจที่จะทำงานเพื่อสังคม แต่ไฟผมหมดแล้ว ให้ท่านทำไป ผมเป็นกำลังใจให้ จะทำในส่วนที่ทำได้"
สุดท้าย พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า ข้อเสนอที่ส่งมา อะไรทำได้ จะเร่งทำให้ อะไรยังทำไม่ได้ก็จะบอกกันตรงๆ