นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีการปรับเวลาใหม่ในการเดินทาง ไปเจรจาในประเด็นกำแพงภาษีศุลกากรกับสหรัฐอเมริกาว่า
รองนายกฯ พิชัย กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง ไม่เฉพาะกับประเทศไทย ส่งผลให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องกำหนดกรอบการเจรจาให้ชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยได้ศึกษาจากแนวทางของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อให้การเจรจาบรรลุเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน จึงมีความจำเป็นต้องปรับกำหนดการเจรจากับสหรัฐฯ ออกไปก่อน เพื่อเตรียมการอย่างรอบคอบในทุกมิติ
ทั้งนี้ แม้การเจรจาจะถูกเลื่อนออกไป แต่กระบวนการที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
1) ทบทวนและประสานความร่วมมือผ่านหน่วยงานในสหรัฐฯ ผ่านการหารือกับภาคส่วนเอกชนที่เคยได้หารือกันมาก่อนหน้านี้ พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมการเจรจา
2) ส่วนของรัฐบาลเอง ก็ต้องมีการปรับตัว โดยเตรียมการพูดคุยระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย เพื่อทบทวนกรอบการเจรจา พร้อมเตรียมการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และปฏิรูป เพื่อประเมินความเป็นไปได้และความเสี่ยง โดยหารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงตั้งรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินสถานการณ์และมาตรการช่วยเหลือ อีกทั้งสร้างการปฏิรูปให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ในด้านหลักเกณฑ์การนำเข้า-ส่งออกผ่านแดน ให้มีความชัดเจน รวดเร็ว โปร่งใสมากขึ้น
รัฐบาลยืนยันว่า การเตรียมการอย่างรอบด้านจะทำให้ไทยสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับสหรัฐฯ โดยจะวางท่าทีการเจรจาแบบทวิภาคีบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ พร้อมมุ่งสร้างความสมดุลในภาคการค้าไทย-สหรัฐฯ อย่างยั่งยืน และเพื่อให้ภาคธุรกิจส่งออกและนำเข้าในทุกอุตสาหกรรมของไทยได้รับประโยชน์มากที่สุด