นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวออกมาทางสื่อต่างๆ ว่า มีหญิงตั้งครรภ์นับสิบรายเสพยาบ้า หรือสารกลุ่มแอมเฟตามีน โดยเชื่อว่าทำให้คลอดบุตรง่ายนั้น ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวมิได้เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารเสพติดในกลุ่มสารกระตุ้นไม่ว่าจะเป็นยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี หรือ อนุพันธ์แอมเฟตามีนใดๆ ไม่ได้ช่วยให้กระบวนการใดๆ ทั้งสิ้นของการคลอดบุตรง่ายขึ้นแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม มีเอกสารทางวิชาการหลายฉบับทั้งในและต่างประเทศได้ยืนยันว่า การที่มารดาเสพติดยากลุ่มแอฟตามีนหรือยาบ้าในขณะตั้งครรภ์ก่อให้เกิดอันตรายมากมากมายแก่บุตร ได้แก่ การแท้งบุตร เสียชีวิตในครรภ์หรือขณะคลอด ภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ความผิดปกติของหัวใจ ภาวะเลือดออกในสมอง สมองตาย เซลประสาทถูกทำลาย ศีรษะเล็ก บุตรที่คลอดจากมารดาที่ติดยาบ้าจะมีอาการติดยาบ้าเช่นเดียวกับมารดา ได้แก่ มีปัญหาภาวะกดการหายใจ ร้องไห้ไม่หยุด กระวนกระวาย ไม่ดื่มนมตามปกติ เสี้ยงดูยาก เมื่อเติบโตไปยังมีผลต่อความผิดปกติของสมาธิ ความจำและความผิดปกติทางด้านพฤติกรรมต่างๆตามมา
สำหรับมารดาเองที่เสพติดยาบ้า พบว่าประสบอันตรายหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆขณะตั้งครรภ์มากกว่าคนทั่วไปแล้ว หลังคลอดบุตรยังพบภาวะตกเลือดรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต มีหลายรายที่เกิดภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าอีกด้วย
ด้าน นายแพทย์สรายุทธ์ ชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาเสพติดทุกตัวรวมทั้งบุหรี่และสุราล้วนก่อให้เกิดอันตรายและผลร้ายต่อบุตรและมารดาที่ตั้งครรภ์ทั้งสิ้นและจากข้อแนะนำของการประชุมขององค์การสหประชาติสมัยพิเศษว่าด้วยเรื่องยาและสารเสพติดในปี 2559 ที่ผ่านมา ได้แสดงความห่วงใยของการใช้ยาและสารเสพติดในกลุ่มเด็ก, สตรีและหญิงตั้งครรภ์ไว้ว่าเป็นกลุ่มที่ควรให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ จึงอยากฝากไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ที่ดูแลกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เมื่อมารับบริการทางการแพทย์ว่ามีการใช้ยาหรือสารเสพติดหรือไม่ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือในปัญหาดังกล่าวอย่างทันท่วงที และรอดพ้นอันตรายจากผลกระทบทางสุขภาพจากการใช้ยาและสารเสพติดได้ในที่สุด