ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เผย ครม.มีมติต่ออายุมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานพุ่งไปอีก 3 เดือน - วอนช่วยกันปิดอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ ใช้รถสาธารณะ ลดการเดินทาง เน้นประชุมออนไลน์หลังคาดวิกฤตอีกนาน - รับกังวลใจไม่น้อยกว่าทุกคน วอนเห็นใจรัฐบาลด้วย

วันที่ 21 มิ.ย. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) ถึงมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากสถานการณ์วิกฤตพลังงานที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ว่า จากสถานการณ์นี้จะส่งผลในหลายมิติเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในยุโรปและคาดว่าส่งผลกระทบหนักหน่วงเพราะราคาน้ำในตลาดโลก เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น โดยตนและรัฐบาลก็ติดตามอย่างต่อเนื่องก็กังวลใจไม่น้อยกว่าทุกๆท่าน เลยสั่งการให้มีการหารือประชุมตลอดเวลาเพื่อศึกษาหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ที่สามารถแก้ปัญหาบรรเทาความเดือนร้อน 

โดยวันนี้ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนโดยเร่งด่วน ทั้งมาตรการใหม่และขยายมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้ อาทิ ตรึงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี 45.59 บาทต่อกิโลกรัม และก๊าซในโครงการเพื่อแท็กซี่ลมหายใจเดียวกันสำหรับแท็กซี่ใน กทม.และปริมณฑล 13.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือนถึง 15 ก.ย.นี้ รวมทั้งกำหนดกรอบราคาขายปลีกแอลพีจี 408 บาทต่อถัง ( 15 กิโลกรัม ) เป็นระยะเวลา 3 เดือนถึง ก.ย. เป็นต้น พร้อมขอบคุณสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือ

และอีกเรื่องที่คือ ขอให้ช่วยกันประหยัดพลังงานทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งขอให้แต่ละภาคต่างๆออกนโยบายที่เหมาะสมตามสถานภาพของตัวเอง อาทิ เรื่องของการเปิด-ปิดอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ ลดการใช้อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ใช้ประชุมออนไลน์ เป็นต้น ส่วนภาครัฐได้กำหนดไปแล้วให้ลดการใช้พลังงานลง 20% ซึ่งนี่เป็นแนวทางรัฐบาลที่พยายามทำเต็มที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน

ส่วนการประเมินสถานการณ์ นายกฯ ระบุว่า ตนคาดว่าเรื่องนี้ไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ ตนก็ได้ให้ประชุมเพื่อเตรียมรองรับตามสมมติฐานเพราะถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อเราจะทำอะไรได้บ้าง เราจึงต้องเตรียมแผนในอนาคตไว้ด้วย

"รัฐบาลยืนยันจะพยายามหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการบนพื้นฐานวินัยทางการเงินการคลังที่สมดุล ซึ่งจะต้องไม่ก่อให้เกิดภาระในอนาคตจนมากเกินไป ทีนี้ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วยนะครับ หลายอย่างเราก็ลดภาษี รายได้เราก็ลดลงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด"

ประยุทธ์ -8EA1-44BB-A7D7-70DC083DCA8A.jpeg


'สุพัฒนพงษ์​' คาดไม่เกินสัปดาห์นี้ได้แนวทางรีดค่าการกลั่นจากเอกชน เข้ากองทุนน้ำมัน

​ด้าน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มี​เชาว์​ รองนายก​รัฐมนตรี ​และ รมว.พลังงาน​ ระบุถึงมาตรการขอความร่วมมือจากโรงกลั่นเอกชนนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเวลา 3 เดือน​ ว่า​ ได้มีการพูดคุยกันแล้ว คาดว่าจะหาข้อยุติ​ได้ภายในสัปดาห์นี้​ ส่วนที่มีตัวเลขออกมา 7-8 พันล้านนั้น​ อย่าเพิ่งกดดันขอใช้เวลาหารือเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมและรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย​ ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่า​จะมากกว่าหรือน้อยกว่าตัวเลขดังกล่าว​ ทั้งนี้ทางตัวแทนน้ำทุนเชื้อเพลิง​กระทรวง​พลังได้ชี้แจงและขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงกลั่น​

​ส่วนโรงกลั่นจะต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันหรือไม่ หากออกเป็นนโยบายมาแล้ว สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า​ คงต้องดูความร่วมมือให้เข้าใจตรงกัน​และเข้าไปดูวิธีทางช่องทางการกฎหมาย​ ซึ่งรัฐบาลยังไม่อยากใช้อำนาจในการไปบังคับโรงกลั่น​แต่อาศัย​ความร่วมมือ​และจำนวนเงินที่ตกลงกันได้ที่จะช่วยสนับสนุน​ผ่านช่องทางไหนก็ต้องไปดูกันอีกครั้ง

ส่วนที่พรรคกล้าเสนอให้ออก พ.ร.ก.เพื่อเป็นแนวทางให้โรงกลั่น​ สุพัฒนพงษ์​ ระบุว่า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า​ อาจจะมีความรู้ทางกฎหมาย​ ซึ่งจากนี้ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย​ ซึ่งการพูดคุยในตอนนี้คุยกันบนพื้นฐานความร่วมมือของ ผู้ประกอบของผู้ประกอบการโรงกลั่นที่ยินดีให้ความร่วมมือขออย่าสร้างเงื่อนไข​ ส่วนผลลัพธ์​จะเป็นยังไงขอให้รอผลการประชุ​มภายในสัปดาห์นี้​

ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปแล้วจะสามารถประกาศ​ใช้ได้เลยหรือนำเข้าครม.สัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น​ ขอให้รอดู​ ซึ่งที่ประชุม ครม.วันนี้ได้รับทราบถึงแนวทางความร่วมมือ​

ส่วนแผนการช่วยเหลือระยะยาว รมว.พลังงาน ยอมรับว่าโจทย์ใหญ่ที่ต้องไปดูถึงสาเหตุ​ ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่น้ำมันดีเซลที่ปรับตัวขึ้นตามกลไกตลาด​ ซึ่งคาดว่ามาตรการ​ระยะยาวจะเป็นความช่วยเหลือ​ ในเฉพาะกลุ่มเปราะบาง​และผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ​ พร้อมระบุว่า​สถานการณ์​จับทางยากและ​วิกฤตพลังงานเกิดขึ้นทั่วโลก​ซึ่งหากจะทำการสิ่งใด​ต้องคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพด้วย​