‘ไมค์ ปอมเปโอ’ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่านี่เป็นมาตรการตอบโต้ข้อห้ามต่างๆ ที่รัฐบาลจีนใช้กับนักการทูตสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ในจีนและมีเป้าหมายทำให้วิธีปฏิบัติของรัฐบาลจีนมีความโปร่งใสมากขึ้น นอกจากนี้ยังระบุว่า จะดำเนินการที่ช่วยทำให้ใจว่าบัญชีโซเชียลมีเดียทางการทูตทั้งหมดจะต้องถูกระบุตัวยืนยันว่าเป็นของรัฐบาลจีน แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะเดียวกัน ปอมเปโอยังเผยว่ากระทรวงการต่างประเทศเพิ่งมีหนังสือไปยังคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เพื่อเตือนถึงภัยคุกคามโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งสามารถมาในรูปแบบเงินทุนที่ผิดกฎหมายสำหรับการวิจัย การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาหรือการข่มขู่คุกคามนักศึกษาต่างชาติ เป็นต้น 

นี่ถือเป็นมาตรการล่าสุดในการควบคุมกิจกรรมของจีนในสหรัฐฯ และเป็นส่วนหนึ่งการเดินหน้าต่อสู้กับสิ่งที่ทรัมป์กล่าวหาว่าเป็นปฏิบัติการขยายอิทธิพลและการจารกรรมของจีน ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. 2563 ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ยึดจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีนเป็นแนวทางหลักในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยยังได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนที่รัฐบาลทรัมป์กล่าวหาว่าเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงและการปราบปรามการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังพยายามโจมตี ‘โจ ไบเดน’ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่ามีจุดยืนไม่หนักแน่นต่อจีนอีกด้วย  

หลังประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ตอบโต้ โดยระบุว่ามาตรการนี้เป็นอีกข้อห้ามและการขัดขวางที่ปราศจากเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ทูตและกงสุลจีน ซึ่งถือว่าขัดแย้งต่อคุณค่าที่สหรัฐฯ ประกาศเอาไว้เองอย่างเรื่องการเปิดกว้างและเสรีภาพ

ทั้งนี้ ประกาศล่าสุดของสหรัฐฯ ถือว่าไปไกลกว่าเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้วที่ขอให้นักการทูตจีนต้องแจ้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ล่วงหน้า หากจะมีการพบปะหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ทูตจีนกับเจ้าหน้าที่ระดับรัฐ ท้องถิ่นและเทศบาลของสหรัฐฯ รวมถึงการพบปะที่สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัย นอกจากนี้ ยังขอให้สื่อจีนลงทะเบียนในฐานะคณะผู้แทนต่างชาติ และยังประกาศเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาถึงการจัดลดจำนวนนักข่าวขององค์กรสื่อจีนที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานที่สำนักงานในสหรัฐฯ จาก 160 คน เป็น 100 คน  

อ้างอิง CNA / The Guardian