ไม่พบผลการค้นหา
รองโฆษกเพื่อไทย ซัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ หลังปธน.สหรัฐฯ ปฎิเสธคำเชิญร่วมประชุมอาเซียน ด้านโฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้คนในรัฐบาลอย่าให้ข่าวจนเป็นแหล่งข่าวลวงเองเรื่องเหตุถูกยกเลิก GSP ชี้ย้อนแย้งตั้งศูนย์ปราบข่าวลวงข่าวปลอม

นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น และ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปฎิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEAN Summit 2019 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพว่า เป็นการหักดิบความสัมพันธ์การต่างประเทศระหว่างไทย และ สหรัฐฯ 

อีกทั้งการที่นายโดนัล ทรัมป์ เซ็นระงับสิทธิพิเศษทางภาษีนำเข้า (GSP) นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยหลายร้อยรายการอย่างมีนัยยะสำคัญ และต่อด้วยการปฎิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEAN Summit 2019 ที่เป็นเจ้าภาพ เป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณที่ทางสหรัฐฯ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเทศไทยเหมือนเคย ถือว่าเป็นการหักดิบความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ 

"แม้การเซ็นระงับสิทธิทางภาษีนำเข้า GSP กับประเทศไทยนั้น อาจมาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น นโยบาย America First ที่มุ่งเน้นการปรับดุลการค้าที่ขาดดุลมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี แต่ก็อาจมาจากจุดยืนด้านการต่างประเทศ ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แลดูให้ความสำคัญกับประเทศจีนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นโครงการเมกะโปรเจคที่เอื้อแก่กลุ่มเจ้าสัว และรัฐบาลจีน หรือการปล่อยให้ Alibaba เข้ามาทำกิจการอย่างง่ายดายโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอื่นๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมไทยขนาดเล็ก หลายพันบริษัท ต้องประสบสภาวะขาดทุน ซึ่งสวนทางกับรัฐบาลที่เคยพูดว่า ให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจ ecommerce แต่ที่สำคัญกว่ารัฐบาลไทยดูท่าจะไม่มีแนวทางรองรับกับผลกระทบที่กำลังจะตามมาเป็นระลอกจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ" นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

ดังนั้น การที่นายโดนัล ทรัมป์ เลือกที่จะไม่มาร่วมการประชุม ซึ่งต่างกับทุกๆ ครั้งที่ผู้นำสูงสุดของประเทศจะต้องมาร่วมเอง แต่เลือกที่จะส่ง นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ซึ่งเป็นผู้ช่วยด้านความมั่นคง ในฐานะทูตแต่งตั้งพิเศษพร้อมรัฐมนตรีการพาณิชย์ เป็นการกระทำที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกากำลังใช้ไม้แข็งกับรัฐบาลไทย

"เพื่อชาติ" แนะรัฐบาลอย่าเป็นคนปล่อยข่าวลวงเสียเอง 

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่าคนในรัฐบาลอย่าให้ข่าวจนประชาชนคิดว่าเป็นแหล่งข่าวลวงข่าวปลอมเอง ในสองวันนี้ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่ออกมาพูดเรื่องถูกตัดสิทธิ GSP เพราะเศรษฐกิจโต การถูกตัดสิทธิ์ GSP เป็นเรื่องน่าภูมิใจ ซึ่งเป็นการพูดข้อเท็จจริงไม่หมดเข้าข่ายข่าวลวง การพูดในฐานะผู้บริหารประเทศต้องพูดให้ครบทุกด้านทั้งด้านดีและด้านไม่ดี และบอกวิธีแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นการพูดแก้ตัวปัดความผิดพลาดให้พ้นไป 

กรณีเศรษฐกิจเติบโตดีประชาชนทุกคนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้โฆษกรัฐบาลหรือคนในคณะรัฐบาลออกมาบอกว่า "อย่าเชื่อข่าวลวงข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดี" ถ้าประชาชนมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยมีรายได้มากกว่ารายจ่ายจะไม่มีใครออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่สถานการณ์ขณะนี้มีข่าวฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจรายวัน มีการแจกเงินชิมช้อบใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 1 2 3 มีปริมาณคนจนเพิ่มมากขึ้น ยอดค้าขายลดลง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย ประชาชนรับรู้เองว่าเศรษฐกิจตนเองไม่ดีเช่นไรไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าว ดังนั้น การออกมาบอกประชาชนอย่าเชื่อข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดีคือข่าวปลอมหรือข่าวเท็จจากภาครัฐในสายตาประชาชน 

อีกกรณีคือการที่นายกรัฐมนตรีบอกในที่ประชุม ครม. ว่าจะรับผิดชอบกรณีปิดเหมืองทองเอง การพูดเช่นนี้ก็เป็นการพูดไม่ชัดเจน คำว่ารับผิดชอบต้องระบุด้วยว่ารับผิดชอบแค่ตัดสินใจจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด หรือรับผิดชอบในการไม่เอาเงินภาษีประชาชนไปชดเชยเหมืองทองเอกชนเพื่อให้จบคดีที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดของหัวหน้า คสช. รัฐบาลต้องพูดให้ชัดเพื่อจะได้ไม่เป็นต้นตอของข่าวลวงหรือการไม่รับผิดชอบต่อคำพูดเหมือนการขอเวลาอีกไม่นานสัญญาว่าจะให้เลือกตั้งหลากหลายครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ให้ข่าวลวงในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

"ก่อนที่จะประโคมข่าวตั้งศูนย์ปราบข่าวลวงข่าวปลอมขอเสนอให้พิจารณาแก้ไขที่คนในคณะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าระมัดระวังคำพูดอย่าให้คำพูดเหล่านั้นเป็นต้นกำเนิดข่าวลวงข่าวปลอมเสียเอง" นางสาวเกศปรียา กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :