พรรคอนาคตใหม่ จัดงาน “เปลี่ยนกรุงเทพ เปลี่ยนประเทศไทย” แถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคครบทั้ง 30 เขต นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค รณวิต หล่อเลิศสุนทร รองหัวหน้าพรรค พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่ออีกหลายคน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากสถิติการเลือกตั้งที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครคือพื้นที่ๆ ไม่เคยมีพรรคใดพรรคหนึ่งผูกขาดได้มาก่อน และเป็นพื้นที่ที่พร้อมกวาด ส.ส. เข้าสภา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างอนาคตที่ดีกว่า และวันนี้พรรคอนาคตใหม่ก็พร้อมที่จะเป็นตัวเลือกใหม่ให้แก่ชาวกรุงเทพมหานคร ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศไทย ไม่มีที่ใดที่ชัดเจนยิ่งไปกว่ากรุงเทพมหานครอีกแล้ว ไม่ว่าจะในเชิงพื้นที่ระหว่างชั้นในกับชั้นนอก หรือระหว่างผู้มีรายได้น้อยที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นมา และผู้มีรายได้ปานกลางที่ต้องกระเสือกกระสนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า กับกลุ่มอภิสิทธิ์ชนของกรุงเทพ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยนำกรุงเทพมหานครไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ และผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด ก็คือคนที่อยู่ในส่วนล่างของความเหลื่อมล้ำ ที่พร้อมจะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่กรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง
“ไม่ใช่เพราะเขาคิดเหมือนผม แต่เพราะพวกเขาคิดเหมือนพวกคุณ คนเหล่านี้ต่างหากที่รู้ว่าความเจ็บปวดความยากแค้นของประชาชนรออีกหนึ่งวันก็ไม่ได้ เมื่อประเทศไทยที่คนมีรายได้น้อยไม่เคยได้พบกับความเปลี่ยนแปลง นี่คือคนธรรมดาที่มารวมกัน เพื่อที่จะสร้างพรรคที่ยืนหยัดด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้ยืนหยัดด้วยผลประโยชน์หรือนายทุนคนไหน แต่ยืนหยัดด้วยคนธรรมดา ด้วยเหตุนี้ 30 ผู้สมัครกรุงเทพมหานครของพรรคอนาคตใหม่ ด้วยความที่ต่างเป็นคนธรรมดาเหมือนกับคนส่วนใหญ่ ย่อมเข้าใจถึงปัญหาของชาวกรุงเทพมหานครได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าให้แก่ชาวกรุงเทพมหานครได้” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคอนาคตใหม่ 350 เขตทั้งประเทศ ผู้สมัครของพรรคเราจนที่สุด นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกคุณถึงควรจะเลือกพรรคอนาคตใหม่ พวกเราคือกลุ่มคนที่เข้าใจปัญหา พวกเราคือกรรมกร เราคือพรรคที่จะส่งกรรมกรเข้าสภา ไม่มีพรรคไหนแน่ๆ ที่มีผู้สมัครเป็นคนขับแท็กซี่ นอกจากพรรคอนาคตใหม่ เรามีศิลปิน ดารา นักร้อง เรามีกลุ่มคนชาติพันธุ์ เรามีครู เรามีผู้พิการ ผู้ประกอบการ เรามีทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า หลอมรวมกันอยู่ในพรรคนี้ด้วยอุดมการณ์ และนี่คือสิ่งที่เราภูมิใจ
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า แม้ทุกคนจะมีที่มาแตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ตอนนี้สังคมไทยเดินมาถึงปลายทางของศตวรรษที่ 21 แล้ว กรุงเทพฯ จะเป็นหัวขบวนสู่การเปลี่ยนแปลง ปลุกศักยภาพของต่างจังหวัดให้ตื่นขึ้นด้วยความเท่าเทียมกัน กรุงเทพฯ ต้องเป็นเมืองที่ไร้รอยต่อของระบบคมนาคม ต้องลดความเหลื่อมล้ำของการใช้รถยนต์ส่วนตัว ด้วยเพิ่มขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน กรุงเทพฯ เติบโตมาจากระบบท้องถนนแต่ขาดประสิทธิภาพในระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะ คนกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตบนถนนมากที่สุด ประมาณ 24 วันต่อหนึ่งปี กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่มีอุบัติเหตุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฮอนดูรัส จึงถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาระบบคมนาคมในกรุงเทพฯ ลดระยะเวลาในการโดยสารจากจุดเริ่มต้นจนถึงปลายทาง พัฒนาระบบขนส่งรองรับทั้งภายในตรอกซอกซอย เพื่อให้เชื่อมกับระบบขนส่งหลัก
“กรุงเทพมหานครในวิสัยทัศน์ของผมคือ เมืองแห่งอนาคต ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม เพิ่มความโปร่งใสให้อำนาจประชาชนเข้าถึงตรวจสอบได้ รวมถึงเพื่อเข้าถึงความรู้ ฐานข้อมูลและการสร้างปัญญาประดิษฐ์ นี่คือมหานครที่ผมใฝ่ฝัน เมืองหลวงสำหรับทุกเพศ ทุกช่วงอายุ ทุกศาสนา สำหรับเด็กเราจะยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ สำหรับคนชราเราจะดูแลสร้างสวัสดิการให้ สำหรับคนพิการเราจะรองรับด้วยการศึกษาและการจ้างงานที่มีคุณภาพ โลกใบใหม่กำลังจะก้าวเข้ามาหาพวกเรา ชาวอนาคตใหม่อาสาเป็นทัพหน้าสู่โลกใหม่อย่างสง่างาม” นายพิธา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่กล่าว
นายพิธา กล่าวต่ออีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือการฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มากไปกว่านั้น ต้องจุดไฟกลางสายลมอีกด้วย เพราะชาวอนาคตใหม่จะต้องเรียกศรัทธาแก่สังคมให้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง จึงขอเชิญชวนชาวอนาคตใหม่ส่งมอบกรุงเทพฯ และประเทศไทยที่ดีกว่าเพื่อลูกหลานของเราร่วมกับพรรคอนาคตใหม่