นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเห็นชอบขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ก็ให้ความเห็นชอบอ้างถึงช่วงเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ไม่อยากให้เกิดโควิด-19 ระบาดซ้ำ ซึ่งหมายความว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะยืดออกไปจนถึง 30 มิ.ย. และอาจส่งผลกระทบทันทีต่อธุรกิจสีแดง ที่ถูกสั่งปิดบริการมาตั้งแต่ปลายมี.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึงเพียงพอ และขณะนี้ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเปิดทำการและแต่เดิมคาดหมายว่าภายใน 15 มิ.ย.นี้จะถึงคิวธุรกิจกลางคืนและงานบริการเฉพาะอื่นๆ หากแต่ต้องมาชะงักลงอีกครั้งเพราะการขยายของ พ.ร.ก.ดังกล่าว
ตนในฐานะตัวแทนประชาชนขอเสนอแก้ปัญหา โดยรัฐจะต้องเริ่มต้นด้วยการมองให้เห็นก่อนว่า ในยามค่ำคืนมีประชาชนที่ทำมาหากินอยู่อีกมากมายนับแสนนับล้านชีวิต และล้วนเป็นอาชีพที่ส่งเสริมรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลมาตลอดเสนอ 3แนวทางเพื่อเยียวยาบุคคลที่อยู่ในอาชีพเหล่านี้
1.ในเมื่อรัฐบาลเมินเฉยต่ออาชีพกลุ่มนี้ ภาคเอกชน เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจราตรี ทั้งหมด เพราะไม่ใช่เพียงผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจดังกล่าว อาทิ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี นักแสดงตามสถานบันเทิง ฯลฯ เท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้ทำงานและกลับมามีรายได้อีกครั้ง แต่รัฐยังต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกรูปแบบการพักผ่อนของประชาชนอีกด้วย เรื่องนี้ครอบคลุมประโยชน์ของคนทุกเพศอย่างเท่าเทียม
2.บริการในรูปแบบอื่นๆ เช่น เสริมสวยและสปา ต้องสร้าง แพลทฟอร์ม (platform) ออนไลน์ ที่สามารถจองบริการจากพนักงานในรูปแบบบริการนอกสถานที่ เช่น ทำผม ทำเล็บ บริการนวด โดยเจ้าของกิจการจะต้องเน้นเป็นพิเศษถึงสุขภาพของผู้ให้บริการ ให้ลูกค้าได้มั่นใจในความปลอดภัยและธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้หลังจากหยุดชะงักมาค่อนข้างนาน
3. ในอีกทางหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องคิดหาหนทางสร้างอาชีพใหม่ให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวิถีทางหลังโควิด-19 หรือ New Normal หลายคนยังไม่มีโอกาสกลับไปทำอาชีพที่เคยทำ แทนที่จะให้แต่เงินสงเคราะห์ ต้องคิดเรื่องสร้างรายได้ให้ประชาชนในระยะยาวด้วย