เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 เวลา 13.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทยพร้อมคณะ เดินทางเยี่ยมชมงาน Gulfood 2025 ณ Dubai World Trade Centre งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง โดยมี ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 138 บริษัท ครอบคลุม 4 โซนหลัก ได้แก่ World Food (1) 60 บริษัท, World Food (2) 14 บริษัท, Beverages 40 บริษัท และ Rice 24 บริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก
“Gulfood เป็นเวทีสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการค้าอาหารระหว่างประเทศ ไทยมีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และการเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ระดับสากล” ดร.นลินีกล่าว
ภายในงาน ประธานผู้แทนการค้าไทยได้พบปะและพูดคุยกับผู้ประกอบการไทย พร้อมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มตลาด ความต้องการของผู้บริโภค และโอกาสทางธุรกิจในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ยังได้รับการต้อนรับจาก เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี (นายสรยุทธ ชาสมบัติ) และกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ (น.ส.นิภา นิรันดร์นุต) ซึ่งร่วมเดินเยี่ยมชมงานและให้กำลังใจผู้ประกอบการ
นอกเหนือจากการส่งเสริมสินค้าไทยในตลาดตะวันออกกลาง ดร.นลินี ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของอาหารไทยในฐานะ Soft Power ที่สามารถช่วยขยายการรับรู้และเสริมสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยในระดับนานาชาติ โดยกล่าวว่า
“อาหารไทยไม่ใช่แค่สินค้าเพื่อการค้า แต่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยที่ทั่วโลกให้การยอมรับความนิยมในรสชาติไทย รวมถึงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบและเครื่องเทศไทย เป็นจุดแข็งที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่าน Soft Power”
สำหรับตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งมีผู้บริโภคมุสลิมจำนวนมาก อาหารฮาลาลของไทยถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล เนื่องจากไทยมีมาตรฐานการผลิตอาหารฮาลาลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้และขยายไปยังตลาดมุสลิมทั่วโลก
ทั้งนี้ งาน Gulfood 2025 ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการไทย โดยหลายบริษัทสามารถสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเจรจาข้อตกลงการค้ากับคู่ค้าต่างประเทศได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทย และเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดที่มีศักยภาพสูง
“รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดและสร้างโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดศักยภาพสูงอย่างตะวันออกกลาง ซึ่งมีความต้องการอาหารไทยและอาหารฮาลาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ดร.นลินีกล่าวสรุป