ไม่พบผลการค้นหา
'ชูวิทย์' แจ้งเอาผิด ม.112 'หยูซินฉี' จีนเทาแอบอ้างสถาบันหาผลประโยชน์ ชี้เป็นกรณีตัวอย่างการใช้ ม.112 ให้ถูกต้อง

วันที่ 20 ก.พ. 2566 เวลา 09.00 น. ที่ สน.นางเลิ้ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ หยูซินฉี ชาวจีน เจ้าของมูลนิธิเถื่อน ในข้อหาหมิ่นประมาทนำเข้าข้อความเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้แจ้งความดำเนินคดี หยูซินฉี ในความผิด ม.112 หลังแอบอ้างสถาบันหลอกทำธุรกิจด้วย

ชูวิทย์ กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของ หยูซินฉี มาเป็นเวลานาน และได้ส่งต่อให้ ส.ส. รังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล อภิปรายในสภาฯ ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะ หยู เป็นตัวอย่างของจีนเทาอีกประเภทหนึ่งที่อวดอ้างว่ามีความใกล้ชิดกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะทหาร ตำรวจ จนถึงสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

“หยู อ้างว่าได้ทำการต่อวีซ่าประเภทเกษียณ ที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านในอำเภอหนองปรือ จังหวัดชลบุรี จากการตรวจสอบพบว่าเป็นมูลนิธิร้าง จะเห็นได้ว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเรารั่ว ถึงเวลาแล้วที่ ตม. ควรไปขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย มิเช่นนั้นปัญหาเยอะ และการแก้ไขก็เป็นเพียงเฉพาะหน้า” ชูวิทย์ ระบุ

นอกจากนี้ หยู ยังแอบอ้างว่ามีความใกล้ชิดกับสถาบัน โดยได้นำภาพในงานเมาลิดกลางไปแสดงในหมู่คนจีน พร้อมบรรยายว่าได้มอบของขวัญให้กับสถาบันด้วย ถือเป็นการแอบอ้างทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ชูวิทย์ เห็นว่า ควรมีการตั้งข้อหากับคนที่กระทำผิดตามม.112 จริงๆ และตนทราบดีว่ามาตรา 112 มีความละเอียดอ่อน จึงอยากฝากเรื่องนี้ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้จัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง พร้อมยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน

“ม.112 ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่จะกลัวว่าจะไปตั้งให้ใคร คือต้องตั้งให้ถูกคน อย่างนี้พฤติการณ์ชัดเจนว่ามีการแอบอ้างหาประโยชน์ ซึ่งเข้ากับลักษณะความผิดของม.112 ว่าเป็นการดูหมิ่นสถาบัน และยังเข้าข่ายความผิดตาม ม.14 (2), ม.14 (3) ที่กระทบต่อความมั่นคง ใช้ระบบคอมพิวเตอร์นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และได้ดูหมิ่นตนด้วยการนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวหาว่าตนเป็น ‘เศษขยะ’ บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตี หยู ทั้งที่ข้อมูลที่มีเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น” ชูวิทย์ กล่าว

ชูวิทย์ มองว่า สิ่งสำคัญคือเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้กับคนทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้าใจถึงการปกป้องสถาบันจริงๆ เพราะม.112 เป็นกฎหมายที่หลายๆคนตีความกันอย่างเข้าใจผิดๆ สิ่งที่เราปกป้องต้องปกป้องได้อย่างถูกต้อง สถาบันนี้เป็นของคนไทย คนต่างชาติหากไม่เข้าใจมักจะเอาไปหากิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชูวิทย์ ได้เปิดภาพป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนอาคารแห่งหนึ่งในมณฑลส่านซี ประเทศจีน ปรากฏภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ระดับหม่อมราชวงศ์ อ้างว่าเป็นประธานที่ปรึกษาของสมาคมแห่งหนึ่ง พร้อมเผยว่า ยังมีการเปิดสมาคมเถื่อนในลักษณะนี้ นำโดยกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า 14K ซึ่งเป็นทุนจีนฮ่องกงมาเก๊าสีเทาด้วย โดยขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจสอบสมาคมเถื่อนเหล่านี้อย่างเร่งด่วน

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ หยู ถูกแจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร และความผิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร หากได้รับโทษในประเทศไทยแล้วเสร็จก็จะผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นพบว่า ลักษณะของสมาคมเถื่อน มีทั้งการตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม ส่วนข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ต้องมีผู้กล่าวหา โดย ชูวิทย์ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีในการปกป้องสถาบัน ตัวเองได้นำเรียนให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้ว จากนี้ตำรวจจะรับเรื่องดำเนินการต่อไป และทยอยตรวจสอบพร้อมเพิกถอนสมาคมเถื่อนร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ในตอนท้าย ชูวิทย์ กล่าวว่า พรุ่งนี้ (21 ก.พ.) เวลา 13.00 น. จะเดินทางไป ‘ตรวจดวงบ้านเมือง’ ที่ทำเนียบรัฐบาล และรอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำข้อมูลการทุจริตคอรัปชั่นของหน่วยงานต่างๆไปมอบให้ด้วยตนเอง