ไม่พบผลการค้นหา
สรรพากรเดินหน้า ดึงผู้ค้าออนไลน์กว่า 1.7 ล้านรายเข้าระบบภาษีให้ถูกต้อง ขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 11 ล้านราย

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปี 2563 กรมตั้งเป้าหมายเข้าไปติดตามผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ ที่ขายของผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ที่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้องประมาณ 1.7 แสนราย เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีผู้เสียภาษีไม่ถูกต้อง 1 แสนราย เพื่อนำเข้าระบบเสียภาษีอย่างถูกต้อง และสร้างความเป็นธรรม โดย กรมได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความรู้ ติดตามให้มาเสียภาษีถูกต้องแล้ว กว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งในการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ปี 2562 ช่วง 1 ม.ค.- 31 มี.ค.2563 กรมขอให้ผู้ที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ มายื่นแบบเสียภาษีให้ถูกต้อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมได้ตั้งกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ เข้ามาติดตามการเสียภาษีออนไลน์ให้ถูกต้อง พร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี ใช้ระบบเอไอเข้าไปตรวจสอบ และเครื่องมืออื่นๆ ทำให้รู้ข้อมูลว่ายังมีผู้ขายของออนไลน์เสียภาษีไม่ถูกต้องอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรมต้องการสร้างความเป็นธรรมกับผู้ที่มีหน้าร้านค้า ที่เสียภาษีถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และยืนยันว่า ถ้ามีรายได้ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ หรือไม่ออนไลน์ ก็ต้องมีหน้าที่เสียภาษี กรมไม่เคยไปจับรายย่อยแค่ต้องการสร้างความเป็นธรรม 

นายเอกนิติ กล่าวว่า ในการยื่นแบบเสียภาษีปี 2561 ที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.2562) มีผู้ยื่นแบบเสียภาษีรวม 10.7 ล้านรายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 10 ล้านราย โดยกรมตั้งเป้าหมายผู้ที่ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2562 คาดว่าจะเข้าสู่ระบบได้ไม่ต่ำกว่า 11 ล้านราย ส่วนหนึ่งก็มาจากรายได้ผู้ขายของออนไลน์ รวมทั้งกรมได้พัฒนาแอปพลิเคชันร่วมกับสตาร์ทอัพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระภาษี และนำดิจิทัลมาใช้ในการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต ถ้ายื่นแบบครบ ไม่มีหลบเลี่ยง กรมจะคืนภาษีให้ทันทีภายใน 3 วัน ผ่านพร้อมเพย์ทั้งหมด 

ทั้งนี้ นอกจากจะเข้าไปติดตามร้านค้าออนไลน์แล้วเพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการในประเทศแล้วกรมจะให้ความสำคัญกับขายของออนไลน์ที่เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเตรียมยกเลิก ข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อัตราร้อยละ 7 กับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์และส่งไปรษณีย์เข้ามาจากต่างประเทศทุกชนิดราคาที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ที่ตอนนี้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เสียเปรียบมาก โดยปลัดกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดทางกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะมีผลภายในปี 2563

ส่วนการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่มีรายได้จากธุรกิจการให้บริการระหว่างประเทศ กรมอยู่ระหว่างผลักดันร่างพระราชบัญญัติรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ที่จัดเก็บภาษีแวตจากการให้บริการในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้ามาให้ความสำคัญเอง อยู่ระหว่างพิจารณารายมาตรา คาดว่าจะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและออกเป็นกฎหมายในปี 2563 มีผลบังคับใช้และจัดเก็บภาษีได้จริงในปี 2564 โดยกรมคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 4 พันล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :