ไม่พบผลการค้นหา
คุมประพฤติเมาแล้วขับสะสมทะลุ 3,730 คดี ย้ำมาตรการคุมเข้ม ติดอุปกรณ์ EM พบผิดซ้ำส่งเข้าค่ายปรับพฤติกรรม

วิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยสถิติที่ศาลสั่งคุมความประพฤติมีทั้งหมด 1,648 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 1,646 คดี คดีขับรถประมาท 2 คดี ซึ่งมีตัวเลขสถิติยอดรวม 5 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 10 – 14 เม.ย.จำนวนทั้งสิ้น 3,743 คดี จำแนกเป็น

  • คดีขับรถในขณะเมาสุรา   3,730 คดี 
  • คดีขับเสพ 11 คดี 
  • คดีขับรถประมาท 2 คดี 

สำหรับจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1. จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 290 คดี 2. จังหวัดเชียงราย จำนวน 264 คดี และ 3. จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 251 คดี

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ เน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุรา โดยศาลสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) 11 ราย ยอดสะสม 5 วันขยับเป็น 19 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัยในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. – 04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน เฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC) อีกทั้งยังมีการคัดกรองตามแบบประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกราย 


ส่งบำบัด-ดัดนิสัย

หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษาอาการติดสุรา ณ สถานพยาบาล ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำเพื่อควบคุมเข้มงวด หรือพบว่ามีประวัติการกระทำผิดซ้ำ จะนำส่งเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง ซึ่งมีกิจกรรมทั้งการให้ความรู้ และการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากผู้ขับรถขณะเมาสุรา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวเองที่มีต่อบุคคลอื่นและสังคม

นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยม แจกน้ำดื่ม ตรวจวัดอุณหภูมิและให้คำแนะนำในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 แก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 65 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 439 คน


“นายกฯ” สั่ง เข้ม ป้องกันโควิด-19  

ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชน ในการเดินทางกลับจากภูมิลำเนา ภายหลังสิ้นสุดช่วงหยุดยาวสงกรานต์ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ฯลฯ บูรณาการร่วมกันอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีการเดินทางจำนวนมากตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. เป็นต้นไป 

โดยเน้นย้ำมาตรการลดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิต ซึ่งต้องควบคุมการปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ใช้ความเร็วรถเกินกฎหมายกำหนด รวมถึงเข้มงวดพฤติกรรมการเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุและการเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสำคัญ โดยให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน


มีสติ ดื่มไม่ขับ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำถึงมาตรการป้องกันโรควิด-19 ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะการรวมตัวของคนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็น ตามปั้มน้ำมัน และจุดบริการพักรถ รวมไปถึงรถโดยสารสาธารณะ จึงกำชับให้ทางจังหวัด ประสานกับสาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชน ป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันมากเกินไป มีระบบคัดกรองประชาชน รวมถึงประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังโรค ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการลดการติดเชื้อโควิด-19

“นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนทุกคนเดินทางกลับไปทำงานอย่างปลอดภัย ขับขี่ยานพาหนะด้วยความไม่ประมาท มีสติ ดื่มไม่ขับ และขอให้ป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หรือ พื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ปฏิบัติตามมาตรการ DMHT คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ ซึ่งหากทุกคนช่วยกันป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว สถานการณ์การติดเชื้อก็จะลดลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว” ไตรศุลี กล่าว