รัฐสภานิวซีแลนด์ลงมติให้มีการแก้ไขกฎหมายการครอบครองปืนเข้มงวดขึ้นด้วยคะแนน 119 - 1 เสียง หลังจากชายที่มีแนวคิดชาตินิยมผิวขาวก่อเหตุกราดยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 50 รายเมื่อวันที่ 15 มี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในไม่กี่วันข้างหน้านี้
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้กล่าวต่อรัฐสภาว่า ส.ส.มาอยู่กันในรัฐสภาเพราะผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงไครสต์เชิร์ช 50 รายไม่สามารถส่งเสียงของพวกเขาได้ แต่ ส.ส.มีเสียงในการลงมติ และวันนี้ ส.ส.ได้เลือกอย่างชาญฉลาดแล้ว
เธอยังเล่าว่าเธอได้เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงและพบว่า ไม่มีใครเลยที่ถูกยิงเพียง 1 นัด หลายคนจะพิการไปตลอดชีวิต ยังไม่นับผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขา อาวุธเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อสังหารหรือทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา
นิวซีแลนด์จะแบนไรเฟิลจู่โจมและอาวุธกึ่งออโตเมติกสไตล์ทหารทั้งหมด โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์จะนิรโทษกรรมและมีมาตรการซื้อคืนอาวุธก่อนจะบังคับใช้กฎหมายนี้ เมื่อหมดช่วงนิรโทษกรรมแล้ว ผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนที่ถูกแบนจะต้องค่าปรับและถูกจำคุก
อาร์เดิรนกล่าวว่า ราคาซื้อคืนจะไม่ทำให้ผู้ครอบครองปืนดังกล่าวขาดทุนมากนัก การซื้อคืนอาวุธอาจต้องใช้เงินมากถึง 200 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (4,285 ล้านบาท) แต่เป็นราคาที่รัฐบาลต้องจ่ายเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในประเทศ
ด้านชายชาวออสเตรเลียผู้ก่อเหตุกราดยิงมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ชถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 50 กระทง และข้อหาพยายามฆ่าอีก 39 กระทง โดยเขาจะถูกนำตัวขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 14 มิ.ย. หลังจากมีการประเมินสุขภาพจิตแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: