ก่อนหน้านี้ พรรครีพับลิกันได้เริ่มเปิดการสืบสวนในข้อกล่าวหาดังกล่าวต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับตั้งแต่พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการเปิดรับฟังคำให้การนั้น ยังไม่มีการพบหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งบ่งชี้ว่าไบเดนได้มีการกระทำผิดใดๆ ตามข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ดี พรรครีพับลิกันได้หันเหความสนใจหลัก ไปที่การติดต่อทางธุรกิจของ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งพรรครีพับลิกันกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และไบเดนเองได้รับรู้เกี่ยวกับกิจกรรมของลูกชายของเขา
ในแถลงการณ์สั้นๆ ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ แมคคาร์ธีกล่าวว่ามีข้อกล่าวหาที่ "ร้ายแรงและน่าเชื่อถือ" ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ “เมื่อนำมารวมกัน ข้อกล่าวหาเหล่านี้วาดให้เห็นถึงภาพวัฒนธรรมของการคอร์รัปชัน” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าว
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ออกมาประณามการตัดสินใจของแมคคาร์ธีอย่างรวดเร็ว “สส.พรรครีพับลิกันสอบสวนประธานาธิบดีมาเป็นเวลา 9 เดือนแล้ว และพวกเขาไม่พบหลักฐานการกระทำผิด” เอียน แซมส์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุบนโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย “การเมืองสุดโต่งถึงจุดเลวร้ายที่สุด”
ในขณะนี้ ฮันเตอร์ ไบเดน อยู่ภายใต้การสอบสวนของรัฐบาลกลาง ในข้อกล่าวหาการกระทำอาชญากรรมด้านภาษี ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจในต่างประเทศของเขา นอกจากนี้ แมคคาร์ธี ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังกล่าวหาว่าครอบครัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไบเดน ระหว่างการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการประพฤติมิชอบ
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ ในคดีของ ฮันเตอร์ ไบเดน และกล่าวว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการดำเนินธุรกิจของลูกชาย
การเปิดการไต่สวนในครั้งนี้จะทำให้คณะสืบสวนของรัฐสภาสหรัฐฯ มีอำนาจทางกฎหมายมากขึ้นในการสอบสวนประธานาธิบดี รวมถึงการออกหมายเรียกสำหรับเอกสารและคำให้การ ที่สามารถบังคับใช้ในศาลได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีอาจถูกฟ้องในข้อหา "กบฏ ติดสินบน หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ หรือกระทำความผิดลหุโทษ" ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจส่งผลให้ประธานาธิบดีถูกถอดออกจากตำแหน่งได้
อย่างไรก็ดี ความพยายามใดๆ ที่จะถอดถอนประธานาธิบดีไบเดนไม่น่าจะประสบกับความสำเร็จ เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมาก 222 ต่อ 212 เสียง จะต้องลงคะแนนเสียงเห็นชอบ จากนั้นจะต้องผ่านการดำเนินการพิจารณา และลงคะแนนเสียงโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีพรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก และเกือบจะแน่นอนว่าขั้นตอนการถอดถอนประธานาธิบดีจะยุติลง หากกระบวนการไปได้ไกลถึงชั้นวุฒิสภา
ก่อนหน้านี้ มีเพียง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงคนเดียว ที่ถูกกล่าวโทษและถูกดำเนินการถอดถอนถึง 2 ครั้ง แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ช่วยให้ทรัมป์รอดพ้นจากการลงมติถอดถอนในทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว
ที่มา: