วันที่ 11 มี.ค. พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และ พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวนโยบายต่อเนื่องเป็นชุดที่ 2 หลังจากเปิด 8 นโยบายแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ
โดย 8 นโยบายชุดที่ 2 ประกอบด้วย
1) อินเทอร์เน็ต ฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน / รวมทั้งชุมชนในเขตเมือง เขตเทศบาล หน่วยปกครองท้องถิ่น รวมถึงในกรุงเทพฯ มีอินเตอร์เน็ตฟรีในหมู่บ้านชุมชนประมาณ 600,000 จุด ในห้องเรียนพื้นที่กรุงเทพฯ 350,000 ห้อง
2) เรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ / สนับสนุนให้มีการเรียนฟรีใน 12 สาขาสำคัญ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อให้มีงานทำทันที
3) ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว / ต่อยอดจากนโยบายเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ สมัยตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รักษาฟรี 48 ล้านคนโดยไม่ต้องเสีย 30 บาท ซึ่งทำสำเร็จมาแล้ว และจะเดินหน้าทำต่อไป
4) ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาททุกหมู่บ้าน-ชุมชน / ปัจจุบันมีชมรมผู้สูงอายุที่จดทะเบียนอยู่ประมาณ 30,000 ชุมชน หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันเช่นนี้ต่อไป
5) SME ต้องมีแต้มต่อ 300,000 ล้าน / รัฐบาลสนับสนุนแต้มต่อด้านการผลิต ด้านการตลาด และกองทุน 3 แสนล้านบาทสำหรับขยายกิจการ ต่อลมหายใจ ให้ SME มีเพื่อแข่งกับธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไปได้
6) ปลดล็อค กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้ / ปลดล็อคให้สมาชิกของทั้งสองกองทุนสามารถนำเงินมาผ่อนหรือชำระหนี้บ้าน ให้มีบ้านของตนได้ง่ายขึ้น
7) 3 ล้านบาท ต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่ / การร่วมกันเป็นเกษตรแปลงใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าต่างคนต่างทำ รัฐบาลประชาธิปัตย์พร้อมจะสนับสนุนกองทุนต่อยอด
8) ค่าตอบแทน อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) 30,000 บาทต่อเดือน / เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีอาสาสมัครที่เข้าถึงพื้นที่เพื่อดูและภาคการเกษตร
จุรินทร์ ยังเน้นย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังมีอีกนับ 100 นโยบาย แต่คัดเลือกมานำเสนอเป็นจุดเด่น ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยจะพิจารณาเปิดตัวนโยบายชุดต่างๆ ต่อไป ในเวลาที่เหมาะสม แล้วจะมีนโยบายเฉพาะกรุงเทพฯ ต่างหาก เช่นเดียวกับนโยบายตามภูมิภาคต่างๆ ด้วย
ด้าน อลงกรณ์ ชี้ว่า จากการเปิดตัวนโยบายของพรรคที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร เช่นการสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่นั้น ถือเป็นการต่อยอดจากผลสำเร็จที่ผ่านมาของกระทรวงเกษตรฯ ด้วยเชื่อว่า จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างศักยภาพใหม่ให้ภาคการเกษตรของประเทศไทยได้