นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 245 ราย ติดเชื้อสะสม 10,298 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 8,157 ราย จำนวนนี้เป็นการคัดกรองเชิงรุก 2,791 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 882 ราย ส่วนใหญ่มาจากสมุทรสาคร ทำให้รักษารวม 6,428 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม เสียชีวิตสะสมคงที่ 67 ราย อัตราเสียชีวิต 0.65% ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ส่วนการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,061 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล 1,811 ราย จำนวนนี้มีอาการหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 6 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลสนาม 1,678 ราย โรงพยาบาลเฉพาะสำหรับผู้ป่วยอาการน้อย 86 ราย รักษาหายแล้ว 2,479 ราย มีผู้เสียชีวิตรอบนี้รวม 7 ราย
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า แนวโน้มผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นแต่ค่อนข้างคงตัว ยังพบผู้ติดเชื้อจากสมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กทม. ฯลฯ คาดว่าจะลดลงในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป โดยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีการติดเชื้อรายใหม่ใน 18 จังหวัด ส่วนในรอบ 7-14 วันที่ผ่านมาไม่มีผู้ติดเชื้อใน 20 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย นครนายก มหาสารคาม หนองคาย อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ระยอง ชัยภูมิ อุดรธานี กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ภูเก็ต สงขลา สตูล ตรัง นครสวรรค์ กระบี่ และนราธิวาส ทั้งนี้ ได้ตรวจคัดกรองเชิงรุกในแรงงานต่างด้าว ป้องกันการพบปะกันจากการเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ขึ้น โดยตรวจไปแล้ว 43,077 ราย พบติดเชื้อ 2,573 ราย ยังพบในเขตสุขภาพที่ 4 และเขตสุขภาพที่ 5 ส่วนเขตสุขภาพอื่นๆ ไม่พบผู้ติดเชื้อหรือพบน้อยมาก จึงยังไม่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ใช้มาตรการทางสังคมทำแนวกันชนไม่ให้การระบาดขึ้นไปยังภาคเหนือและภาคใต้ คาดว่าจะควบคุมการติดเชื้อได้ดีขึ้น โดยสิ้นเดือนมกราคมนี้จะให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เหลือ 2 หลักให้ได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยจะผ่านสถานการณ์การระบาดไปได้อีกครั้งได้นั้น ภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกัน โดยประชาชนขอให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และสแกนไทยชนะ หากพบเห็นคนไม่คุ้นเคยมาหมู่บ้านให้แจ้ง อสม.ตรวจสอบและคัดกรอง
“มาตรการทางสังคม อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณา ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ อาจมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ลงโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและประชาชน แต่ยังต้องขอให้ช่วยกันรักษาระเบียบวินัยไม่ให้เกิดการติดเชื้อใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง และทำได้ดีจนถึงปลายกุมภาพันธ์ที่จะมีวัคซีนโควิด 19 ก็จะผ่านโควิดไปด้วยกันได้อย่างสง่างาม” นพ.เกียรติภูมิกล่าว