ไม่พบผลการค้นหา
ในช่วงหัววันของวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียยิงขีปนาวุธหลายหัวใส่หลายพื้นที่ของยูเครน โดยเฉพาะในกรุงเคียฟ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 ราย ในเวลาต่อมารัสเซียได้ออกมายอมรับว่า ตนเป็นผู้ทำการยิงขีปนาวุธใส่ยูเครน โดยมีการตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์บัญชาการทหารและกองกำลังรักษาความปลอดภัย รวมถึงฐานทางพลังงาน อย่างไรก็ดี หลักฐานเปิดเผยให้เห็นว่า เป้าหมายที่ถูกรัสเซียยิงถล่มในยูเครน กลับเป็นเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหาร แถมยังเป็นเพียงแค่อาคารพลเรือน ไปจนถึงสนามเด็กเล่น

การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในวันที่ 10 ต.ค.นั้น นับเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา การโจมตียังไม่ได้ยุติเพียงแค่วันนั้น เพราะในวันรุ่งนี้ (11 ต.ค.) รัสเซียได้สั่งยิงขีปนาวุธเพิ่มอีก 28 หัวรบ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเคียฟ ลวิฟ วินนิทเซีย และดนีโปร ไม่สามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้ การโจมตีโดยขีปนาวุธหลายหัวของรัสเซียใส่ยูเครนยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในวันที่ 17-18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล้วนเป็นเป้าหมายที่เป็นอาคารพลเรือน การกระทำดังกล่าวยังเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม

1.png

ซากขีปนาวุธ Kalibr พบใกล้กับหลุมระเบิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ในเมืองโคโนตอบ ประเทศยูเครน

มีการเปิดเผยหลักฐานและภาพถ่ายซากของขีปนาวุธหลายลำ ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 10 และ 11 ต.ค. ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนแบบมีปีกที่ยิงจากภาคพื้นทะเลรุ่น Kalibr (3M-14) และ R-500 (9M728) ที่ยิงจากภาคพื้นดินด้วยระบบ Iskander และ Kh-101 ที่ยิงผ่านทางอากาศ ขีปนาวุธเหล่านี้ได้รับการขนานนามจากรัสเซียว่าเป็นอาวุธที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งทางรัสเซียอ้างว่าตนใช้เฉพาะกับเป้าหมายทางทหารเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครน ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลกลับถูกยิงใส่โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยราย เช่น การยิงขีปนาวุธร่อนพุ่งชนพื้นที่อยู่อาศัยในโอเดสซาและมิโคไลฟเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมานี้

มีรายงานว่า แค่เพียงในวันเดียวของเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธร่อนในเมืองวินนิตเซีย พร้อมทั้งคร่าชีวิตพลเรือนไปกว่า 27 คน การโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า รัสเซียล้มเหลวในการปฏิบัติการขีปนาวุธตามเส้นทางที่ตนกำหนดการเอาไว้ในเบื้องแรก โดยการกำหนดเป้าหมายที่ผิดพลาด เกิดขึ้นได้จากการมีข้อมูลข่าวกรองที่มีข้อบกพร่องของรัสเซีย หรืออย่างเลวร้ายกว่านั้น คือ ความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนเป็นความตั้งใจของรัสเซียเอง ทั้งนี้ มีการโจมตีอย่างน้อย 2 กรณีในเดือน เม.ย. และต้นเดือน มิ.ย. ที่ขีปนาวุธร่อนของรัสเซียร่อนอยู่ในระดับต่ำ ใกล้กับที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างอันตราย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ หากขีปนาวุธมีเพลิงไหม้หรือเศษซากตกลงมายังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

GVC องค์กรเบื้องหลังขีปนาวุธร่อนรัสเซีย

แม้จะมีรูปภาพและวิดีโอหลายร้อยภาพ ของการยิงขีปนาวุธร่อนและผลกระทบร้ายแรงของมันจากรัสเซีย แต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดเป้าหมาย และเขียนโปรแกรมเส้นทางการร่อนของขีปนาวุธ การเปิดเผยให้เห็นถึงการกำหนดเส้นทางการร่อนของขีปนาวุธจากรัสเซีย ที่อ้างว่ามีความแม่นยำสูงเหล่านี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป้าหมายพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนในยูเครนที่ถูกรัสเซียยิง ถูกโจมตีโดยเจตนาหรือการยิงแบบไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้รัสเซียเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมสงคราม

หลังจากการสอบสวนนานกว่า 6 เดือน เว็บไซต์ Bellingcat และพันธมิตรการสืบสวนอย่าง The Insider และ Der Spiegel สามารถค้นพบกลุ่มวิศวกรทางการทหารหลายสิบคน ที่ถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับมาจนถึง ณ บัดนี้ และพวกเขาและเธอล้วนเป็นมืออาชีพในการเขียนโปรแกรมยิงขีปนาวุธ ข้อมูลการติดต่อของโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่า มีการติดต่อระหว่างบุคคลเหล่านี้และผู้บังคับบัญชาของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนการโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อนของรัสเซียที่มีความแม่นยำสูงหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งล้วนคร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน อีกทั้งส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนในยูเครนไม่สามารถเข้าถึงไฟฟ้าและเครื่องทำความร้อนได้ 

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มอันเป็นความลับนี้ทำงานจากสถานที่ 2 แห่ง ได้แก่ สำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโก และสำนักงานใหญ่ของกองทัพเรือในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หน่วยของพวกเขาถูกแฝงเอาไว้อยู่ภายใน “ศูนย์คำนวณหลักของเจ้าหน้าที่ทั่วไป” (Main Computation Centre of the General Staff) ซึ่งเป็นหน่วยงานอันใหญ่โตของกองทัพรัสเซีย หรือในชื่อย่อว่า ГВЦ (GVC)

สมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มบังคับยิงขีปนาวุธแบบลับๆ ของรัสเซีย ที่ถูกตรวจสอบได้โดย Bellingcat และพันธมิตรนั้น ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว รวมทั้งสามีและภรรยาหนึ่งคู่ หลายคนที่มีพื้นฐานความรู้ด้านไอที ไปจนกระทั่งเป็นพวกชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ บางคนยังทำงานที่ศูนย์บัญชาการทางทหารของรัสเซียในดามัสกัสของซีเรีย ช่วงระหว่างปี 2559 ถึง 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธร่อนในปฏิบัติการซีเรีย ยังมีสมาชิกคนอื่นๆ ที่เคยรับรางวัลทางการทหารอีกมากมาย รวมถึงได้รับรางวัลเหล่านั้นจากมือของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

Bellingcat พยายามติดต่อสมาชิกที่ทีมงานสามารถระบุตัวตนมาได้ ซึ่งล้วนสังกัดอยู่ในหน่วย GVC ที่เป็นความลับ เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นยืนยันหรือปฏิเสธความเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ Bellingcat ยังได้เตรียมรายการคำถามรวมถึงการหาตัวผู้ที่เลือกเป้าหมาย และคำถามว่าการเสียชีวิตของพลเรือนในยูเครนนั้น เป็นผลพวงมาจากข้อผิดพลาดในการคำนวณหรือการกำหนดเป้าหมายโดยเจตนาหรือไม่ ผลลัพธ์จากการติดต่อของ Bellingcat ไปยังบุคคลที่ทางทีมงานตรวจพบเจอ นำมาซึ่งความน่าสงสัยที่ทวีคูณมากขึ้น

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของรัสเซีย ได้รับติดต่อผ่านทางโทรศัพท์โดยผู้สื่อข่าวของ The Insider พันธมิตรร่วมสืบสวนในครั้งนี้ของ Bellingcat โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสชาวรัสเซียรายดังกล่าววางสายของตนทันทีที่เขารู้ว่าเขากำลังพูดอยู่กับใคร วิศวกรทหารทั้งหมดยกเว้น 2 คนในรายชื่อที่ Bellingcat มีไม่ยอมรับสายหรือตอบข้อความ หรือปฏิเสธว่าตนทำงานให้กับกองทัพรัสเซียอย่างชัดเจน หรือปฏิเสธแม้แต่กระทั่งว่า พวกเขาไม่รู้ว่า GVC คือองค์กรอะไร แม้ว่าพวกเขาจะเห็นรูปถ่ายที่ทางทีมของ Bellingcat แสดงจำนวนมาก ซึ่งเป็นรูปตัวเองขณะสวมเครื่องแบบทหาร ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ GVC 

วิศวกรคนหนึ่งไม่ได้ปฏิเสธกับทาง Bellingcat ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานนี้หรือไม่ แต่เขาระบุว่าพวกเขาไม่สามารถตอบคำถามที่ทาง Bellingcat ถามได้อย่างปลอดภัย และขอบคุณทีมของ Bellingcat ที่แจ้งเตือนพวกเขาถึงเนื้อหาที่ Bellingcat กำลังจะเผยแพร่ วิศวกรอีกคนหนึ่งบอกเล่ารายละเอียดเชิงบริบททางข้อมูลบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีที่กลุ่มของตนได้รับมอบหมาย ให้เขียนโปรแกรมเส้นทางการร่อนขีปนาวุธที่ซับซ้อนและแม่นยำสูงของรัสเซียด้วยตนเอง และยังมอบรูปถ่ายหลายรูปของผู้บังคับบัญชาของพวกเขาอย่าง พ.ท.ไอกอร์ บากน์ยูก วิศวกรรายนี้ยังมอบภาพถ่ายหมู่นักคำนวณคณิตศาสตร์ของ GVC ที่ถ่ายร่วมกันที่หน้าอาคารกระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโกอีกด้วย

เจาะเป้าหมาย ล่าตัวสมาชิก GVC

Bellingcat ระบุว่า การระบุตัวตนของกลุ่มลับดังกล่าวในกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ทำได้โดยการแยกวิเคราะห์ข้อมูลเปิด ของผู้สำเร็จการศึกษาหลายพันคนจากสถาบันการทหารชั้นนำของรัสเซีย ที่เน้นการศึกษาด้านวิศวกรรมขีปนาวุธและการเขียนโปรแกรม โดยเฉพาะสถาบันการทหารแห่งกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ใกล้เมืองบาลาชิคาของกรุงมอสโก และสถาบันวิศวกรรมทหารเรือในเขตชานเมืองพูชกินของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Bellingcat ตั้งสมมติฐานเริ่มต้นว่า สถาบันทางทหารชั้นนำเหล่านี้ อาจเป็นสนามฝึกสำหรับเจ้าหน้าที่อย่างน้อยในบางราย ที่กำลังตั้งโปรแกรมขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งมีความซับซ้อนที่สุดของรัสเซีย

Bellingcat ยังวิเคราะห์ข้อมูลการจ้างงานที่รั่วไหลออกมา ตลอดจนข้อมูลรายการทางโทรศัพท์ของผู้สำเร็จการศึกษาเหล่านี้ ซึ่งหาได้จากตลาดข้อมูลใต้ดินของรัสเซีย ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ Bellingcat ค้นพบว่า มีการอ้างถึงชื่อของบุคคลเหล่านี้บางส่วนในรายการผู้ติดต่อทางโทรศัพท์ ซึ่งได้มาจากการค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านบอทของแอปพลิเคชัน Telegram เช่น Glaz Boga และ HimeraSearch ในขณะที่พวกเขาทำงานอยู่ที่ GVC (Главный Вычислительный Центр) หรือศูนย์การคำนวณหลักของกองทัพรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมขีปนาวุธทางทหารเหล่านี้ทั้งหมด พร้อมฐานข้อมูลอ้างอิงจาก GVC ที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขาในแอปพลิเคชันเหล่านี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าอาศัยและทำงานอยู่ที่ถนนซนาเมนกา 19 ในกรุงมอสโก ซึ่งเป็นที่อยู่อย่างเป็นทางการของเสนาธิการกองทัพรัสเซีย

2.png

ผู้สำเร็จการศึกษา 2 คนจากสถาบันการทหารแห่งกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ซึ่งมีที่อยู่ทำงานปัจจุบันอยู่ที่ถนนซนาเมนกา 19

GVC คือองค์กรอะไร?

ไม่มีข้อมูลในทางสาธารณะที่เชื่อมโยงศูนย์คำนวณหลักของกองทัพรัสเซีย เข้ากับการเขียนโปรแกรมขีปนาวุธร่อน ทั้งนี้ หน้าที่ของ GVC ถูกอธิบายอย่างคลุมเครือในสื่อสิ่งพิมพ์ทางทหารของรัสเซียว่าเป็นหน่วยงาน “การให้บริการด้านไอที” และ “ระบบอัตโนมัติ” แก่กองทัพรัสเซีย แม้จะมีประวัติศาสตร์ขององค์กรมาอย่างยาวนาน (ตามข้อมูลของ Zvezda ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ในเครือกองทัพรัสเซีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2506) แต่การกล่าวถึงสถาบันนี้ในที่สาธารณะมีน้อยมากในสื่อรัสเซียปัจจุบัน

วิศวกรคนหนึ่งที่ทาง Bellingcat ซึ่งถูกระบุตัวตนว่าทำงานให้กับ GVC ได้รับ “ใบรับรองความขอบคุณ” จากประธานาธิบดีปูตินในปี 2563 ตามประวัติการทำงาน อย่างไรก็ตาม Bellingcat ไม่พบชื่อของชายคนนี้ในรายชื่อผู้รับรางวัลในปีเดียวกันที่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยจากโพสต์ประวัติการทำงานเดียวกันของชายรายดังกล่าว เขาใส่ข้อมูลการศึกษาส่วนตัวว่า “ระบบอัตโนมัติที่มีแอปพลิเคชันพิเศษ”

การตรวจสอบโดยภาพรวมของภูมิหลังทางการศึกษา และวิชาชีพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับ GVC ตามรายชื่อผู้ติดต่อทางโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่า สมาชิกส่วนใหญ่จบการศึกษาจากสถาบันการทหารแห่งกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ (และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาระบบสารสนเทศในเซอร์ปูคอฟ) หรือสถาบันวิศวกรรมทหารเรือ สมาชิกบางคนเคยรับราชการทหารมาก่อนในฐานะแม่ทัพเรือหรือวิศวกรเรือ ในขณะที่คนอื่นๆ มีประสบการณ์การทำงานในภาคพลเรือนมาก่อน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีขององค์กรหรือนักออกแบบเกม

Bellingcat เชื่อมโยงกลุ่ม GVC กับการโจมตีโดยขีปนาวุธร่อนอย่างไร

ด้วยทักษะทางเทคนิคที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษขององค์กร ดูเหมือนว่า GVC อาจเชื่อมโยงกับการเขียนโปรแกรมเส้นทางการร่อนของขีปนาวุธร่อนของรัสเซีย ทั้งนี้ Bellingcat ได้รับข้อมูลของโทรศัพท์ของบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุด ที่ได้รับการประกาศชื่อต่อสาธารณะในฐานะผู้อำนวยการอย่าง พล.ต.โรเบิร์ต บารานอฟ วิธีการดังกล่าวนี้คล้ายกับที่ Bellingcat เคยใช้ในการติดตามและค้นหาผู้วางยาพิษนักการเมืองฝ่ายค้านชาวรัสเซียอย่าง อเล็กเซย์ นาวัลนี ด้วยข้อมูลที่ Bellingcat ซื้อมาจากคนกลาง แม้ว่าวิธีนี้จะทำไม่ได้ในประเทศส่วนใหญ่ แต่ตลาดมืดขายข้อมูลของรัสเซียเป็นตัวช่วยให้แก่ผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหว ในการสืบสวนคดีสำคัญๆ มากมายเกี่ยวกับหน่วยทหารและหน่วยสืบราชการลับของรัสเซียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

จากการวิเคราะห์การโทร 126 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2565 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการโจมตีด้วยขีปนาวุธนำวิถีของรัสเซียในยูเครน กับการโทรเข้าก่อนการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากหมายเลขโทรศัพท์หนึ่ง ที่ทาง Bellingcat ระบุว่าเป็นของเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกคนที่ทำงานอยู่ที่ GVC โดยเจ้าหน้าที่คนนี้ ถูกระบุตัวตนผ่านรายชื่อผู้ติดต่อทางโทรศัพท์และฐานข้อมูลที่อยู่อาศัยรั่วไหล ในชื่อของ พ.ท.ไอกอร์ บากน์ยูก และได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่อยู่เดียวกับเจ้าหน้าที่ GVC ที่ถูกระบุตัวตนรายอื่นๆ ณ ถนนซนาเมนกา 19

3.png

บันทึกแสดงให้เห็นการขึ้นทะเบียนที่อยู่ของ พ.ท.ไอกอร์ บากน์ยูก

จากสมมติฐานที่ว่า พ.ท.บากน์ยูกน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่อาจเชื่อมโยงกับการเขียนโปรแกรมขีปนาวุธพิสัยไกล เนื่องจากการสื่อสารโดยตรงกับผู้บังคับบัญชาของกลุ่ม ทาง Bellingcat ได้รับบันทึกข้อมูลโทรศัพท์ในช่วงเวลานับจากเริ่มการรุกรานของรัสเซียในยูเครน บันทึกการโทรของบากน์ยูกแสดงให้เห็นถึงการสื่อสารที่มีความถี่กับวิศวกรทางทหารมากกว่า 20 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่เกี่ยวข้องกับ GVC ผ่านการย้อนกลับไปดูที่แหล่งข้อมูลตลาดมืดของรัสเซียเดียวกัน 

จากนั้น Bellingcat สังเกตหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการโต้ตอบกันบ่อยที่สุด ซึ่งมีมาจากเจ้าหน้าที่ GVC ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลสะสมของบันทึกทางโทรศัพท์ Bellingcat ได้สร้างกลุ่มรายชื่อทีมวิศวกรทางทหาร 33 คนขึ้นมาใหม่ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะคอยรายงานหรือสื่อสารอยู่บ่อยๆ กับบากน์ยูก โดยวิศวกรเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ทีม ทีมละประมาณ 10 คน โดยแต่ละทีมจะคอยดูแลขีปนาวุธแม่นยำสูงในแต่ละประเภท

สมมติฐานเริ่มต้นของ Bellingcat อ้างอิงจาก “การจัดกลุ่ม” ของวิศวกรแต่ละคน โดยอ้างจากการสื่อสารทางโทรศัพท์ระหว่างกัน มีการแยกกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม ที่คอยพูดคุยกันในขั้นต้นระหว่างกลุ่มและกับผู้บังคับบัญชาของพวกเขา จากนั้น Bellingcat เปรียบเทียบจุดจำนวนสูงสุดในการสื่อสารของกลุ่ม กับวันและเวลาที่มีรายงานการยิงถล่มของขีปนาวุธ และพบว่าทั้ง 2 ชุดข้อมูลมีความสัมพันธ์กับขีปนาวุธเฉพาะทั้ง 3 ประเภท 

ทั้งนี้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของวิศวกรแต่ละคน โดยอิงจากการจ้างงานก่อนหน้าหรือประวัติการศึกษานั้น ตรงกับจุดที่ถูกสันนิษฐานเอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่ที่มีภูมิหลังมาจากกองทัพเรือ จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมขีปนาวุธที่ยิงจากทะเล ฯลฯ โดยทีม Bellingcat พบขีปนาวุธ 3 ประเภท ได้แก่ ЗМ-14 (Kalibr ยิงจากทะเล) R-500 (หรือที่รู้จักว่า 9М728 สำหรับระบบ Iskander ยิงจากภาคพื้นดิน) และ Kh-101 (ยิงทางอากาศ)

4.png

ผังโครงสร้างของกลุ่มภายใน GVC ซึ่งทำขึ้นอิงจากข้อมูลการโต้ตอบผ่านการโทรศัพท์ระหว่าง พ.ท.บากน์ยูก และสมาชิกของทีม ทั้งนี้ Bellingcat และ The Insider ได้ติดต่อสมาชิกแต่ละคนเพื่อขอความเห็น แต่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่ตอบสนองต่อการติดต่อ

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีชื่อว่า แอนทอน ทิโมชินอฟ ซึ่งมียศ พ.ท.เท่ากับบากน์ยูก ดูเหมือนจะสื่อสารกับสมาชิกของทั้ง 3 กลุ่ม แต่ไม่ได้สื่อสารกับใครที่มีอำนาจเหนือกว่า พ.ท.บากน์ยูก ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบากน์ยูก แต่มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าหน้าที่ใน 3 กลุ่มย่อย

แล้วใครเป็นคนคุมรีโมทสั่งฆ่า?
5.png

ภาพถ่ายสมาชิกกลุ่ม GVC ในปี 2556 ที่ทาง Bellingcat ได้มาจากสมาชิกหน่วยหนึ่งที่ไม่ระบุชื่อ โดยชายคนขวาสุดแถวหน้า คือ พ.ท.ไอกอร์ บากน์ยูก ทั้งนี้ Bellingcat ระบุตำแหน่งของรูปภาพนี้ว่าเป็นลานด้านในอาคารขนาดใหญ่ของเจ้าหน้าที่ทั่วไปในกองทัพรัสเซียที่ซนาเมนกา 19

ภูมิหลังของวิศวกรทหารที่ทำงานให้กับ GVC นั้นมีความหลากหลาย ซึ่งรวมถึงผู้ที่รับราชการในกองทัพบกหรือกองทัพเรือ และต่อมาได้รับการฝึกฝนความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการทหาร เช่นเดียวกับคนหนุ่มสาวที่ได้รับคัดเลือกจากงานพลเรือน ซึ่งมักเป็นผู้ที่มีความสามารถเกี่ยวข้องกับไอทีและวิทยาการคอมพิวเตอร์

6.png

รูปของ ไอกอร์ บากน์ยูก ที่ Bellingcat ได้มาจากสมาชิกของกลุ่มคนหนึ่ง โดยบากน์ยูกติดยศและเหรียญทหารจำนวนมาก รวมถึงเหรียญทหารกล้าหาญระดับ 2 ของกองทัพ

ดูเหมือนว่า พ.ท.ไอกอร์ บากน์ยูก จะเป็นผู้บัญชาการโดยตรงของหน่วยย่อยวางแผนขีปนาวุธล่วงหน้าใน GVC ข้อสันนิษฐานนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลทางโทรศัพท์ของสมาชิกกลุ่มวิศวกร 11 คน ที่ได้รับมาจากแหล่งข้อมูลในตลาดมืดของรัสเซีย รวมถึงตัวของบากน์ยูก ที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของการอยู่ใต้บังคับบัญชา ซึ่งสมาชิกแต่ละคนจะทำการสื่อสารกับเขา แต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถสื่อสารกับผู้บังคับบัญชาเหนือกว่าตน นอกจากนี้ Bellingcat ยังสามารถระบุตัวตนของบากน์ยูกได้ ทั้งจากการจดจำใบหน้าและโดยเหรียญตราทางทหาร ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดในภาพถ่ายหมู่กับสมาชิกในทีม GVC คนอื่นๆ นอกจากนี้ สมาชิกของทีมที่ติดต่อกับผู้สื่อข่าวระบุว่า บากน์ยูกเป็นผู้บัญชาการโดยตรงของเขาเอง

ประวัติชีวิตบางส่วนของบากน์ยูก ถูกรวบรวมขึ้นใหม่จากข้อมูลรั่วไหลที่พบในฐานข้อมูลรวมต่างๆ เช่น HimeraSearch และ Glaz Boga ทั้งนี้ บากน์ยูกเกิดที่เมืองรีกาในปี 2525 เขาสำเร็จการศึกษาในปี 2547 จากสถาบันในเครือเซอร์ปูคอฟของสถาบันการทหารแห่งกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านระบบไอทีสำหรับขีปนาวุธของรัสเซีย เขาถูกส่งตัวไปที่หน่วยทหาร 29692 ใกล้เมืองวลาดิเมียร์ จนกระทั่งเขาถูกย้ายไปประจำที่กรุงมอสโก เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม GVC ช่วงราวก่อนปี 2553

เหรียญตราและยศบนอกในภาพถ่ายของบากน์ยูก ซึ่งได้รับจากหนึ่งในสมาชิก GVC ที่เปิดเผยข้อมูลกับทาง Bellingcat แสดงให้เห็นว่าบากน์ยูกได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสำหรับ “การมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย” โดยเหรียญนี้ถูกมอบให้แก่เจ้าหน้าที่รัสเซีย ในช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2563 ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนทั้งแบบยิงโดยเครื่องบิน และแบบยิงจากทะเลในช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2560 ในสมรภูมิซีเรีย รวมถึงยังมีการรายงานการโจมตีเมืองอเลปโปของซีเรียในปี 2559 อีกด้วย

7.png

เหรียญกล้าหาญที่บากน์ยูกประดับลงบนอก จากการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการความขัดแย้งในซีเรีย

การสู้รบในซีเรียของเจ้าหน้าที่จากหน่วยที่ดูแลโดยบากน์ยูก สามารถยืนยันได้ผ่านข้อมูลเปิด จากภาพซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย โดยมีภาพประธานาธิบดีปูตินกำลังพูดคุยกับ บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ระหว่างการเยือนกรุงดามัสกัส ในเดือน ม.ค. 2564 โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นภายในศูนย์บัญชาการทางทหารของรัสเซียในซีเรีย ตามที่อธิบายไว้ในเอกสารของสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย 

ทั้งนี้ มีนายทหารรัสเซียนิรนามหลายคนนั่งอยู่แถวหลังของผู้นำทั้งสอง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็น พล.ต.อันเดรย์ อิวานยูติน ซึ่งเป็นสมาชิกของหน่วย GVC ที่มีข้อมูลบันทึกทางโทรศัพท์ด้วยว่า บากน์ยูกได้สื่อสารกับเขาอยู่บ่อยครั้งในช่วงสงครามยูเครนนี้ Bellingcat ยังใช้เครื่องมือเปรียบเทียบใบหน้าซึ่งทำให้ทางทีมงานสามารถระบุหน้าของอิวานยูติน ผ่านแพลตฟอร์ม VK ของอิวานยูตินเองได้ด้วย

รายงานสายบังคับบัญชาก่อนการโจมตี

เมื่อ Bellingcat ดูชุดข้อมูลโทรศัพท์ของ พ.ท.บากน์ยูกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาพบกับชุดรูปแบบการติดต่อไปยังปลายสายอื่นๆ โดยในขณะที่บากน์ยูกติดต่อค่อนข้างบ่อยครั้งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจากทีม GVC แต่บากน์ยูกพูดคุยไม่บ่อยนักกับผู้บังคับบัญชาของเขาอย่าง พล.ต.บารานอฟ และ พ.อ.เยฟกินี คับชุก การตรวจสอบการเรียกสายของเขาไปยังผู้นำระดับสูงที่ GVC แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการติดต่อกันกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธขนาดใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากต่อสายคุย

ช่วงเวลาหนึ่งเดือนก่อนการโจมตีครั้งใหญ่เมื่อเดือน ต.ค.นี้ บากน์ยูกได้พูดคุยกับบารานอฟในวันเสาร์ที่ 10 ก.ย. เมื่อเวลา 12:41 น. ในช่วงเวลาของการโทร บากน์ยูกอยู่ที่สำนักงานบนถนนซนาเมนกา 19 ทั้งนี้ การโทรครั้งสุดท้ายของบากน์ยูกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21:20 น.ในวันเดียวกัน กับปลายสาย คือ ร.อ.อเล็กเซย์ มิคาย์ลอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำหนดเป้าหมาย R-500 จนวันรุ่งขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า “ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา” รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ R-500 จำนวนหนึ่งในพื้นที่ดอนบาสของยูเครน ต่อมาในวันเดียวกันนั้น รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนเพิ่มอีก 12 ลูก โดยเป็น Kalibr 6 ลูก และ Kh-101 ทางอากาศอีก 6 ลูกใส่ยูเครน นับเป็นความพยามยามครั้งแรกในการเล็งเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน

ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. บากน์ยูกได้บินไปยังรอสตอฟ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้ชายแดนยูเครน จากการแสดงการเคลื่อนไหวทางโทรศัพท์ของบากน์ยูกในคืนวันที่ 12 ถึง 13 ก.ย. โทรศัพท์ของเขาบันทึกรายละเอียดการโทรจำนวนมาก ในช่วงระหว่างเที่ยงคืนถึง 02:00 น. บากน์ยูกต่อสายคุย 4 ครั้งกับคับชุก ผู้บังคับบัญชาของตน และต่อสายคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา พ.ต.มัตวีย์ ลยูบาวิน (ผู้เชี่ยวชาญการยิงขีปนาวุธ Kalibir) และ ร.อ.อเล็กเซย์ มิคาย์ลอฟ (ผู้เชี่ยวชาญการยิงขีปนาวุธ R-500) อีก 2 ครั้ง 

จนในวันรุ่งขึ้นเมื่อ 14 ก.ย. กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า ตนได้ดำเนินการ “ยิงขีปนาวุธข้ามคืนอย่างกะทันหัน” ด้วยฐานยิงขีปนาวุธร่อน Iskander โดยมุ่งเป้าไปที่ศูนย์บัญชาการของกองกำลังติดอาวุธของยูเครน ทั้งนี้ ตามรายงานกระทรวงกลาโหมรัสเซีย การยิงดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณชายแดนของยูเครน ต่อมาในวันเดียวกัน เครื่องบินของรัสเซียได้ปล่อยขีปนาวุธร่อน Kh-101 จำนวน 8 หัว ใส่โครงสร้างพื้นฐานไฮดรอลิกที่ครีวิริก ทำให้พื้นที่บางส่วนของเมืองยูเครนตอนกลางไม่มีน้ำใช้เป็นเวลาหลายวัน 

การต่อสายที่จับได้ก่อนสายอื่นๆ เกิดขึ้นระหว่างบากน์ยูกและ พล.ต.บารานอฟ ซึ่งถูกระบุได้โดยทีมของ Bellingcat นับย้อนกลับไปได้นานถึง 13 มี.ค. 65 โดยในเช้าวันนั้น ทั้งสองคุยกัน 2 ครั้งระหว่างเวลา 10:00 ถึง 10:30 น. เช่นเดียวกันกับช่วงเช้าตรู่ของวันนั้น ที่รัสเซียได้เปิดฉากระดมยิงอย่างรุนแรงที่สุดหลังจากการรุกรานในเดือน ก.พ. ด้วยการยิงขีปนาวุธ Kh-101 และ Kalibr 30 หัว ส่งผลให้มีชาวยูเครนเสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย และทหารและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 134 ราย รวมถึงครูฝึกทหารต่างชาติที่ค่ายฝึกทหารในยาโวริฟที่อยู่ใกล้เคียง

8.png
โมงยามแห่งการฆ่า

บันทึกสายโทรศัพท์ของบากน์ยูก เปิดเผยให้เห็นถึงข้อมูลอื่นๆ มากมาย รวมถึงรายละเอียดว่าเขาเป็นนักสะสมเหรียญตัวยง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่รวมถึงระหว่างชั่วโมงทำงาน ไปกับการติดต่อทางโทรศัพท์กับเว็บไซต์ซื้อขายเหรียญ อาทิ eurocoin.ru ความหลงใหลเกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์ของบากน์ยูกปรากฏเด่นชัดเป็นพิเศษในเช้าวันที่ 10 ต.ค. เมื่อบันทึกในโทรศัพท์ของเขาแสดงรายละเอียดระบุว่า เขาได้ติดต่อหลายครั้งกับเว็บไซต์ซื้อขายเหรียญ eurocoin.ru เมื่อช่วงเวลา 06:45 น. ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนการยิงขีปนาวุธใส่กรุงเคียฟ จนคร่าชีวิตพลเรือนไปกว่าหลายสิบคน

บากน์ยูกยังเป็นผู้ขายสินค้าบนเว็บไซต์ Avito.ru ซึ่งเทียบเท่ากับ Ebay ของรัสเซีย ในบรรดาการขายเหรียญและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แก่ลูกค้าเมื่อไม่นานมานี้ เขากำลังเสนอขายเหรียญรางวัลที่ประธานาธิบดีปูตินมอบให้ในปี 2557 โดยคำอธิบายของการเสนอขายอื่นๆ ของผู้ขายเหรียญประเภทเดียวกันระบุว่า เหรียญดังกล่าวเป็นรางวัล “สำหรับการบริจาค” ให้กับการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โซซี” ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าบากน์ยูกมีบทบาทอย่างไรเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก อย่างไรก็ดี บากน์ยูกเสนอขายเหรียญจากปูตินในราคา 6,500 รูเบิล หรือประมาณ 4,000 บาท

9.png

เหรียญที่บากน์ยูกเสนอขายบนเว็บไซต์ Avito.ru

บันทึกทางโทรศัพท์ของบากน์ยูก และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในช่วงสัปดาห์ก่อนการโจมตี 10 ต.ค. แสดงให้เห็นสายที่ต่อหากัน ซึ่งมีเพิ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมันเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. และมีการติดต่อมากครั้งสุดในวันที่ 9 ต.ค. ทั้งนี้ บากน์ยูกมีการโทรศัพท์หาวิศวกรทั้งหมด 11 ครั้งในวันสุดท้ายก่อนการโจมตี โดยก่อนวันที่ 2 ต.ค. การสื่อสารระหว่างพวกเขาหยุดชะงักไปประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งสอดคล้องกับกรณีที่ไม่มีรายงานการใช้ขีปนาวุธร่อนจากทางรัสเซียในจำนวนมาก 

หลักฐานนี้แสดงให้เห็นว่าการวางแผนสำหรับการโจมตีเมื่อวันที่ 10 ต.ต. เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลข่าวกรองที่ได้รับจากทางการยูเครน ช่วงเวลานี้ยังบอกเป็นนัยว่า การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน อาจไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากการทำลายสะพานเคิร์ชในไครเมียบางส่วนเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ตามข้ออ้างของปูติน

วันก่อนการโจมตีด้วยขีปนาวุธ เมื่อช่วงหลังเวลา 15:00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 9 ต.ค. บากน์ยูกได้โทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ 3 คน ซึ่งเป็นวิศวกรจากทีม GVC ตามลำดับ โดยแต่ละคนเชี่ยวชาญการยิงขีปนาวุธร่อนจาก 1 ใน 3 ประเภทตามที่ได้ระบุไปในข้างต้น จนเมื่อเวลา 15:17 น. บากน์ยูกโทรหา ร.อ.อเล็กเซย์ มิคาย์ลอฟ สมาชิกของทีมย่อยที่เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธ R-500 แบบยิงจากภาคพื้นดิน ไม่กี่นาทีต่อมา เขาโทรหา พ.ต.มัตวีย์ ลยูบาวิน หนึ่งในวิศวกรอาวุโสในทีมย่อยขีปนาวุธ Kalibr ที่ยิงจากภาคพื้นทะเล ทั้งนี้ บากน์ยูกโทรหาลยูบาวินผ่านโทรศัพท์บ้านของเขาที่สำนักงาน แสดงให้เห็นว่าลยูบาวินอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาในบ่ายวันอาทิตย์

หลังจากหยุดการต่อสายไปเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อเวลา 17:10 น. บากน์ยูกรับโทรศัพท์จาก พ.อ.คับชุก หนึ่งในรองผู้บัญชาการของ GVC หลังจากวางสายกับผู้บังคับบัญชา บากน์ยูกได้โทรศัพท์หา โอลกา เชสโนโกวา ทันที โดยเธอเป็นสมาชิกของทีมรองที่เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธร่อน Kh-101 ที่ยิงทางอากาศ บากน์ยูกโทรหาเชสโนโกวา 2 ครั้งติดต่อกันเมื่อเวลา 17:16 น. และ 17:17 น. จากนั้นเขาจึงโทรกลับไปหา พ.อ.คับชุก เมื่อเวลา 17:20 น. ดังนั้น ระหว่างเวลา 15:17 น. ถึง 17:17 น. บากน์ยูกได้โทรหาสมาชิกหน่วยย่อยแต่ละหน่วยที่เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธ 3 ประเภท ที่จะใช้ยิงเข้าใส่ยูเครนในเช้าวันรุ่งขึ้น

บากน์ยูกเดินทางจากบ้านในชานเมืองกรุงมอสโก ไปยังสำนักงานของเขาที่ซนาเมนกา 19 ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของเสนาธิการทหารของกองทัพรัสเซีย ชุดข้อมูลของเสาสื่อสารแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ที่สำนักงานจนถึงช่วงดึกของวันนั้น บากน์ยูกยังโทรหาบารานอฟซึ่งเป็นหัวหน้า GVC เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 21:15 น. ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านไป บากน์ยูกกลับมาที่สำนักงานหลังเวลา 05:30 น.ของเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อ 10 ต.ค. ชุดข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือของเขาแสดงให้เห็นว่า บากน์ยูกมาถึงทันเวลาเพื่อแลกเหรียญออนไลน์ 1 ชั่วโมงก่อนการโจมตียูเครนจะเริ่มต้นขึ้น

Bellingcat บุกค้นหาตัวสมาชิกทีม GVC

วิศวกรทหารจากหน่วยวางแผนการยิงร่อนด้วยขีปนาวุธของ GVC เป็นคนหนุ่มสาว ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุเพียงแค่ 20 ปลายๆ ทั้งนี้ สมาชิกที่อายุน้อยที่สุด 4 คน มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ในขณะที่หลายคนมีความรู้ด้านวิชาคณิตศาสตร์ระดับพลเรือน หรือการศึกษาด้านไอทีมาก่อน พวกเขาทั้งหมดได้รับการฝึกอบรมด้านวิศวกรรมการทหาร ที่สถาบันการทหารแห่งกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ หรือไม่ก็ในสถาบันวิศวกรรมทหารเรือ

วัยรุ่นเหล่านี้ทำงานจากศูนย์บัญชาการที่ปลอดภัยในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ต่างจากเพื่อนทหารของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแนวหน้ารบ ดูเหมือนว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ จะสามารถดำเนินชีวิตไปได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามเลยแม้แต่น้อย จากบทบาทที่สำคัญของพวกเขาในการโปรแกรมการยิงขีปยาวุธ แม้ว่า Bellingcat จะไม่ทราบระดับค่าจ้างในช่วงสงครามในปัจจุบันนี้ แต่มีข้อมูลเงินเดือนรั่วไหลจากสมาชิกบางคนในช่วงปี 2561 ถึง 2563 ผ่านทางผู้รวบรวมข้อมูล อาทิ Glaz Boga ชี้ให้เห็นว่า อัตราการจ่ายค่าจ้างมีเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ 80,000 รูเบิล หรือประมาณ 49,300 บาทในปี 2561 เป็นโดยเฉลี่ย 130,000 รูเบิลหรือประมาณ 80,000 บาทในปี 2563

10.png

ข้อมูลค่าจ้างที่หลุดออกมา ซึ่งเปิดเผยโดย HimeraSearch

มัตวีย์ ลยูบาวิน ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่อาวุโสที่สุดของบากน์ยูก ตามจำนวนการโต้ตอบทางโทรศัพท์ ทั้งนี้ ลยูบาวินเกิดเมื่อปี 2535 และจบการศึกษาโรงเรียนทหารเรือนาคีมอฟ ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อปี 2552 จนในปี 2557 เขาสำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิศวกรรมทหารเรือในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยความเชี่ยวชาญด้าน “ไอทีอัตโนมัติของระบบวัตถุประสงค์พิเศษ”

หลังจบการศึกษา ลยูบาวินทำงานด้านพลเรือน รวมถึงงานสนับสนุนด้านไอทีสำหรับธนาคาร 2 แห่ง และบริษัท R&D ด้านเภสัชกรรม เป็นเวลาหลายปีที่เขาใช้ชีวิตแบบชาวกรุงมอสโกตามปกติ เขาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ จัดแฟชั่นโชว์ และทวีตบทวิจารณ์โดยละเอียดเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ฉายล่าสุด ลยูบาวินยังแสดงจุดยืนในประเด็นพลเมือง โดยรีทวีตแสดงการสนับสนุนในการปฏิเสธการแบ่งปันข้อมูลของแอปพลิเคชัน Telegram ให้กับทางการรัสเซีย เขายังกลายมาเป็นสมาชิกของกลุ่ม Active Citizen ซึ่งเป็นโครงการการมีส่วนร่วมของพลเมืองอิสระ หมายเลขโทรศัพท์ของเขายังปรากฏในฐานข้อมูลที่รั่วไหลของผู้เข้าร่วม Smart Voting ซึ่งเป็นความพยายามในการลงคะแนนเลือกตั้งเชิงกลยุทธ์ ซึ่งนำโดยมูลนิธิต่อต้านการทุจริตของ อเล็กเซย์ นาวัลนี เพื่อต่อต้านพรรค United Russia ที่ปกครองรัสเซียอยู่ในปัจจุบัน

11.png

รูปของ พ.ต.มัตวีย์ ลยูบาวิน ขวาสุดเมื่อปี 2552 ครั้งเรียนจบมัธยม ภาพกลางเมื่อปี 2557 ครั้งเรียนจบโรงเรียนทหารเรือ ซ้ายสุดเมื่อปี 2565 จากเรซูเมส่วนตัว

จนกระทั่งปี 2563 ลยูบาวินได้ทำงานให้กับหน่วยวางแผนล่วงหน้าสำหรับการยิงขีปนาวุธใน GVC ที่ถูกเก็บเป็นความลับ โดยตามประวัติส่วนตัวของเขาที่โพสต์บนเว็บไซต์ค้นหางานอิสระในเดือน มี.ค. 2565 เขาได้รับใบรับรองความขอบคุณจากประธานาธิบดีรัสเซีย น่าแปลกที่หลังจากสงครามเริ่มต้นขึ้น ลยูบาวินดูเหมือนจะมีงานประจำของเขาจากการบริการเขียนคำโฆษณาและการแก้ไขต้นฉบับ รวมถึงการเสนอการ “จัดการวิจัยเชิงกลยุทธ์และคู่มือการฝึกอบรมสำหรับการจัดการ” และ “เสนอโครงสร้างและจัดนิทรรศการ” 

หลังจากการสังเกตความสัมพันธ์ของการโทรศัพท์ของลยูบาวินและการยิงขีปนาวุธ ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา Bellingcat ได้ติดต่อเขาผ่านการแชทที่ปลอดภัยบน Telegram และขอให้เขาแสดงความคิดเห็นว่าเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพลเรือนยูเครนจำนวนมาก ที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ลยูบาวินตอบ Bellingcat ด้วยคำพูดว่า “เป็นมืออาชีพหน่อย ถามคำถามที่เป็นรูปธรรมกับผมมาซะ”

จากนั้น Bellingcat ได้ปรับคำถามใหม่เป็น “จำนวนพลเรือนที่บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากในระหว่างการยิงขีปนาวุธร่อน เป็นผลที่ตั้งใจไว้หรือผลของการกำหนดเป้าหมายที่ผิดพลาด” ลยูบาวินตอบกลับว่าตนไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ หลังจากการตอบกลับดังกล่าว แอปพลิเคชัน Telegram แจ้งผู้สื่อข่าวของ Bellingcat ว่า แชทของ Bellingcat กับ ลยูบาวิน ถูกแคปภาพหน้าจอบทสนทนา หลังจากนั้นลยูบาวินปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอีกหลายเดือนต่อมาจากทาง Bellingcat

ทว่า พ.ต.มัตวีย์ ลยูบาวิน เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ตอบคำถามแบบตรงไปตรงมาที่สุดในทีม GVC เมื่อได้รับการติดต่อจาก Bellingcat อย่างไรก็ดี สมาชิกในทีมอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ทราบตัวตน หลังจากที่เขาติดต่อผู้สื่อข่าวผ่านบัญชีอีเมลที่ Bellingcat และ The Insider แนบไว้ให้แก่สมาชิกของ GVC ที่ถูกติดต่อไปทั้งหมด สมาชิกที่ไม่ทราบตัวตนรายดังกล่าวได้แชร์รูปถ่ายหมู่ 2 รูปของทีม GVC และรูปถ่าย 2 รูปของผู้บังคับบัญชาอย่าง พ.ท.บากน์ยูก ซึ่งประดับเหรียญจำนวนมากไว้บนอกของเขา

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวของ The Insider ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Bellingcat ติดต่อไปยัง ร.อ.ยูริย์ นิโคนอฟ วิศวกรคนหนึ่งที่มีปฏิสัมพันธ์กับบากน์ยูกบ่อยที่สุดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นิโคนอฟปฏิเสธว่าตนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ GVC หรือสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครน นิโคนอฟบอกว่าเขาเป็นคนขับรถบัส และการอ้างว่าการเชื่อมโยงเขาเข้ากับหน่วยกำหนดเป้าหมายตามที่ถูกสันนิษฐานไว้นั้น “ไร้สาระอย่างมาก”

จากการสืบสวนของ The Insider นิโคนอฟได้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาบน VK แบบปิดเป็นส่วนตัว อวาตาร์ใหม่ของเขาถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นของตัวการ์ตูนในชุดเครื่องแบบทหารรัสเซีย ที่กำลังจะกดปุ่มสีแดง (ดูเหมือนภาพการ์ตูนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เป็นภาพแรก เพื่อเป็นการล้อเลียนเรื่องตลกของทหารรัสเซีย หลังความผิดพลาดจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียที่ล้มเหลวต่อยูเครน) จากการค้นหาข้อมูลต่อพบว่า ร.อ.ยูริย์ นิโคนอฟ ยังคงมีโปรไฟล์ที่ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์หาคู่ของรัสเซีย ซึ่งเขาอธิบายว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่หน้าตา “ดูสมบูรณ์แบบ” และกำลังทำงานให้กับภาครัฐ

12.png

บัญชีผู้ใช้ VK ของ ร.อ.ยูริย์ นิโคนอฟ จากหน่วยกำหนดเป้าหมาย Kalibr จากข้อมูลบัญชีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 และตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อจาก Bellingcat

สมาชิกคนอื่นๆ ของทีม GVC ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ด้วยหมายเลขเดียวกับที่เห็นในบันทึกการโทรของบากน์ยูก ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนของพวกเขาแล้วด้วย แต่พวกเขาต่างปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานที่ GVC หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพรัสเซีย

ตัวอย่างเช่น ร.อ.เซอร์เก อิไลอิน ที่เคยต่อสายคุยกับบากน์ยูกทางโทรศัพท์มากกว่า 30 ครั้งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา และบันทึกโทรศัพท์ของเขาแสดงให้เห็นว่า เขาติดต่อสื่อสารกับสมาชิกทีมย่อย Kalibr อีก 8 คนซึ่งบ่อยครั้งที่การโทรเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับการยิงขีปนาวุธ โดยอิไลอินระบุกับ The Insider ว่าเขาเป็นแค่ “ช่างประปาที่ประกอบอาชีพอิสระ” และความสามารถด้านการคำนวณของเขาเป็นเพียงแค่ “การวัดค่าดังกล่าวที่ใช้ประโยชน์ระหว่างการทำงานประปา” ถึงกระนั้น อิไลอินมีภาพที่ตัวเองกำลังสวมชุดเครื่องแบบทหาร ขณะร่วมถ่ายหมู่ร่วมกับวิศวกรทหารคนอื่นๆ ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ GVC บนเครื่องแบบ

13.png

รูป ร.อ.เซอร์เก อิไลอิน ในภาพถ่ายหมู่ของกลุ่ม GVC ในด้านขวา และด้านซ้ายเป็นรูปครอบครัวของอิไลอิน ที่ถ่ายร่วมกับภรรยาบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีการระบุตัวตนเอาไว้อย่างชัดเจน 

สมาชิกอีกคนในทีม ที่ปรากฏชื่อในการโทรศัพท์คุยกับบากน์ยูกในช่วงเวลาที่มีการโจมตีด้วยขีปนาวุธ คือ อาร์เทม เวเดนอฟ ทั้งนี้ เวเนดอฟรับสายของ Bellingcat และยืนยันชื่อของเขา แต่เวเนดอฟบอกว่าเขาทำงานในฟาร์ม และพยายามอธิบายให้ Bellingcat ฟังถึงวิธีการเชือดหมูหรือถอนขนไก่

ยังมี พ.ต.อิวาน โปปอฟ วิศวกรชำนาญด้านขีปนวุธ Kalibr อีกคน ที่ได้รับปริญญาจากสถาบันวิศวกรรมทหารเรือในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกล่าวว่า เขาเรียนรู้เรื่องดังกล่าวด้วยตนเองในระบบโปรแกรมภาษา Python แต่เขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับกลุ่ม GVC หรือเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเส้นทางขีปนาวุธ ในขณะที่ ร.ท.อีคาเทรินา ชูกูโนวา จากหน่วยย่อยชำนาญขีปนาวุธ Kalibr กล่าวว่า เธอเป็นเพียงแค่คนขายดอกไม้ และยืนยันว่า Bellingcat ติดต่อคนผิดหมายเลข

Bellingcat ยังติดต่อไปยังวิศวกรของ GVC อีกคนอย่าง วลาดิเมียร์ โวโรเบียฟ แน่นอนว่าโวโรเบียฟปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม และ GVC อย่างไรก็ดี Bellingcat ได้แสดงรูปถ่ายของโวโรเบียฟในชุดเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ GVC ก่อนที่โวโรเบียฟจะอ้างว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเห็นภาพนี้ และโวโรเบียฟแสดงอาการตกใจที่เห็นรูปตนเองเครื่องแบบทหาร GVC

บทความนี้ถูกเผยแพร่โดยเว็บไซต์ Bellingcat องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีผู้สื่อข่าว นักสืบสวนสอบสวน ในการทำงานร่วมกัน โดยมี คริสโต โกรเซฟ หัวหน้านักสืบรัสเซียของเว็บไซต์ เป็นผู้เขียน ทั้งนี้ เว็บไซต์ Bellingcat ยังเคยได้รับรางวัลจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จากผลงานด้านการสอบสวนเชิงลึก


ที่มา:

https://www.bellingcat.com/news/uk-and-europe/2022/10/24/the-remote-control-killers-behind-russias-cruise-missile-strikes-on-ukraine/?fbclid=IwAR0lal-fzaUpa35mrX4Fdmpf4Vtevy8w4kZnyF1sz7SALPg0kBeUQpkw5UY