นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วยนายธีระ สลักเพชร อดีต รมต.และอดีต ส.ส. ประชุมรับฟังสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด ที่ห้องประชุมพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด วันนี้ (26 ก.พ.2563) โดยมี ว่าที่ ร.ต.พิเชียน ลิมป์หวังอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งฝ่ายทหารนาวิกโยธินตราดเข้าร่วมการประชุม
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดตราด เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2562 สืบเน่ืองจากในประเทศกัมพูชามีการเผาป่าและพื้นที่การเกษตร ทำให้เกิดเพลิงและกลุ่มหมอกควันเข้าปกคลุมในพื้นที่จังหวัดตราด โดยไฟป่าได้ลุกลามเข้าพื้นที่ 4 ตำบลเขตอำเภอเมืองตราด และ 2 ตำบลใน อ.คลองใหญ่ และ 1 ตำบลใน อ.บ่อไร่ กินพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และต้องเฝ้าระวังในอีก 5 ตำบลในเขตอำเภอเมืองตราด เกิดความเสียหายกับป่าธรรมชาติและพื้นที่การเกษตรของประชาชน ทั้งยังมีกลุ่มควันปกคลุมในพื้นที่ ซึ่งประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน
ในการนี้ รมช.มหาดไทย และคณะได้ตรวจพื้นที่การเกิดไฟไหม้ป่าตามแนวชายแดนประเทศกัมพูชา พบว่าสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าเขาที่มีสภาพแห้ง ง่ายแก่การเกิดไฟป่า สำหรับการปฏิบัติเพื่อการเฝ้าระวังได้มีเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย หน่วยทหารพรานนาวิกโยธิน กรม ปภ. หน่วยงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายปกครอง ตำรวจ จิตอาสา ร่วมปฏิบัติการดังกล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวว่า รับทราบปัญหาและการแก้ไขจากทางจังหวัดถึงสถานการณ์ไฟป่าที่น่าเป็นห่วง และมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการนำเฮลิคอปเตอร์มาแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งได้เดินทางมาให้กำลังใจพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม วันนี้ สถานการณ์ไฟป่าลุกลามพื้นที่และปัญหาหมอกควันทั้งใน จ.นครนายก ที่มีความรุนแรงและจังหวัดตราดได้รับผลกระทบนั้น ภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้นกว่า 2 วันที่แล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณทางจังหวัดตราด ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน
จากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน รมช.มหาดไทย และคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมพบปะพี่น้องประชาชนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าเส้น ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง โดยเยี่ยมการทำหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งชี้แจงการดำเนินการเรื่องแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่างๆ ของรัฐบาล โดยในขณะนี้จังหวัดตราดได้เตรียมแจกจ่ายให้กับประชาชนในการป้องกันฝุ่นควันไฟ ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชน
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยมอบภารกิจให้แต่ละจังหวัดประสานสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และกรมพัฒนาชุมชนดำเนินการผลิตหน้ากากอนามัยให้ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเนื่องจากในอนาคตหากมีการแพร่ระบาดมากกว่านี้ หน้ากากอนามัยอาจจะขาดแคลน จึงต้องสอนให้ผลิตเองเพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นละออง และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย
นายนิพนธ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในส่วนงบประมาณป้องกันภัยพิบัตินั้น กระทรวงมหาดไทยได้ดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนปัญหาภัยแล้งได้มอบหมายให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสำรวจพื้นที่ในการจัดหาแหล่งน้ำสำรองและหาแนวทางในการจัดหาน้ำ ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝนและน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก โดยให้จัดทำแผนงาน โครงการในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ทั้งนี้การประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจะทำให้ทางจังหวัดสามารถใช้งบประมาณช่วยเหลือได้เต็มที่แต่ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบให้ถูกต้องต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง