โดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มีเจ้าภาพเดิมจากวันที่ 19 ก.ย. ที่ท้องสนามหลวง และว่ากันว่าอาจมี ‘โหมโรง’ ก่อนด้วย ช่วงวันที่ 10 ต.ค.นี้
ในขั้วแกนนำต่อต้านรัฐบาล ยังคงพูดถึงการทำ ‘รัฐประหาร’ เพราะยังไม่ไว้วางใจกองทัพ รวมทั้งไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าการทำรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่มองว่าขณะนี้ ‘ปัจจัย’ ยังไม่ครบองค์ประกอบเท่านั้น และต่างไม่เชื่อว่าการทำรัฐประหารจะเกิดขึ้นยุค ‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. แต่จะเกิดยุค ‘บิ๊กบี้’ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนใหม่ และมองว่ามีความพยามยามจะผลักสถานการณ์ไปให้ถึงจุดที่มีความรุนแรง เพื่อความชอบธรรมในการใช้อำนาจ และยอมรับว่าเดือนตุลาคม เป็นเดือนแห่งการเมือง ย่อมต้องมีชุมนุมออกมา
ซึ่งตรงกับที่ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า “ในเดือน ต.ค. ทุกปี ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่ปลุกระดมกัน ผมคิดว่าประวัติศาสตร์คือประวัติศาสตร์ ในส่วนของประวัติศาสตร์ที่ดีเราก็ออกมาทำ อันไหนที่ไม่ดีเราก็อย่าทำ ประวัติศาสตร์สอนให้เราเรียนรู้”
ในส่วนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เตรียมนำประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก วันที่ 6 ต.ค. นี้โดยจะแถลงข่าวครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ เคยเปิดเผยว่า ตนจะไม่พูดเรื่องการเมือง จะพูดเรื่องภารกิจของกองทัพเท่านั้น
สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นนายทหารรอยัลลิสต์ มีเส้นทางเติบโตในกองทัพคล้ายกับ พล.อ.อภิรัชต์ ในทางสายวงศ์เทวัญ โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ โตจาก ร.31 รอ. และ พล.1 รอ. และมีบุคลิกที่นิ่งสุขุม พูดน้อย จนยากที่จะอ่านใจและอ่านความคิด
ในส่วน ‘บิ๊กแอร์’ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ย้ำจุดยืนว่าทหารไม่ยุ่งการเมือง ส่วนการทำหน้าที่ ส.ว. ก็ทำตาม รธน. เท่านั้น เพราะมีขั้นตอนและกติกา รวมทั้งมองสถานการณ์ในขณะนี้ว่าไม่มีอะไร เรียบร้อยดี
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ เข้าพูดคุยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดย นายกฯ ขอให้เหล่าทัพร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ รวมทั้งหารือแนวการทำงานและสถานการณ์ต่างๆ
ท่ามกลางกระแสข่าว ‘2ป.’ ให้ ‘ปลัด ฉ.’ เดินสายดีลลับตั้ง ‘พรรคสำรอง’ ซึ่ง 2 ป. ก็คือ ‘ป.ป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ‘ป.ตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม
ทำให้ทั้ง ‘2.ป-ปลัด ฉ.’ ออกมาแก้ข่าวทันที โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ป.ไหน ป.นี้ ไม่รู้เรื่องเลย ไม่สันทัดการเมือง ผมไม่ยุ่งเกี่ยว และเรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในความคิด” ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียง “แค่พรรคเดียวก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
สำหรับ ‘ปลัด ฉ.’ ที่ถูกพาดพิง หนีไม่พ้น ‘มือขวา’ ของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่นั่งปลัดกระทรวงมหาดไทยมาหลายปี
นั่นคือ ‘ปลัดฉิ่ง’ ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่ก็ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวนี้เช่นกัน ว่า “ตอนนี้ผมยังเป็นข้าราชการอยู่ ไม่สามารถที่จะไปทำอะไรแบบนั้นได้ และไม่เคยมีใครมาพูด มาชักชวนแต่อย่างใด” ท่ามกลาง ‘ข่าวลือ’ ในกระทรวงมหาดไทย ที่พูดกันว่า ‘ปลัดฉิ่ง’ อาจเป็นปลัด มท. ไม่ครบวาระ ที่มาประจวบเหมาะในช่วงนี้พอดี รวมทั้งบทบาทของ ‘ปลัดฉิ่ง’ หลังเกษียณฯด้วย ที่ทำให้ ‘น้ำหนัก’ จะมาสู่ ‘สนามการเมือง’ นั้นเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้มีการมองว่ากระแสข่าวเช่นนี้ อาจเป็น ‘การเสี้ยม’ ให้พี่น้อง ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ แตกคอกัน ระหว่าง ‘2ป.ป๊อก-ประยุทธ์’ กับ ‘ป.ป้อม’ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มีตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้วย
อีกทั้ง 3ป. เรียกได้ว่าแค่มองตาก็รู้ใจ มีอะไรก็คุยกันทุกเรื่อง ดังนั้นหากในอนาคตมีการตั้ง ‘พรรคสำรอง’ ขึ้นจริง ก็อาจเป็นยุทธศาสตร์ของทั้ง 3ป. มากกว่า ‘แตกคอกัน’ ระหว่าง ‘พี่น้อง’ เพราะทั้ง 3ป. อยู่ในสภาวะที่ ‘กรำศึกการเมือง’ รอบด้านด้วยกัน
สายสัมพันธ์กว่า 40 ปีนั้นแนบแน่น แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคยเอ่ยปากเองถึง ‘3ป.’ เมื่อปลายปี 2562 ในงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง 3ป. อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า "นี่คือ 3ป. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่มี 3ป. เราจะทำอะไรได้ สองคนนี้คือลูกพี่ฉัน สอนฉันให้เป็นคนดี สอนฉันให้ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าไม่มีที่ทั้งสองคน พี่ป๊อกและพี่ป้อม ฉันก็มีวันนี้ไม่ได้ ทุกอย่างไม่มีเพื่อตัวฉัน แต่เพื่อประเทศไทยเข้าใจหรือยัง"
เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เจอทั้ง ‘ศึกใน’ ที่เป็น ‘คลื่นใต้น้ำ’ ที่ขย่มอยู่เนืองๆ และเจอ ‘ศึกนอก’ ที่ประกาศชัดให้จบที่เดือน ต.ค.นี้ แม้การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม จะยังอยู่ในสภาวะที่รัฐบาลยังรับมือได้
รวมทั้งกระแสข่าว ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ที่ถูกปลุกกระแสขึ้นมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้พูดปิดประตูตัวเอง โดยกล่าวเพียงว่า “ไปว่ากันวันข้างหน้า” เท่านั้น สถานการณ์ ‘ไตรมาสสุดท้าย’ ของปี 2563 จึงต้องจับตาทั้ง ‘การเมือง-การทหาร’ ควบคู่กัน
‘ตุลา’ หรือ ‘ตู่ลา’ งานนี้ ?