น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า หลังจากสังคมสงสัยกันมานานแล้วทำไมหน้ากากอนามัยจึงหายไปจากท้องตลาดหรือต้องซื้อหาด้วยราคาที่แสนแพง ทั้งที่รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าไทยมีโรงงานผลิตได้เดือนละกว่า 30 ล้านชิ้น วันนี้ได้ปรากฎหลักฐานชัดเจนแล้วว่า มีคนที่ทำงานใกล้ชิดกับคนในรัฐบาลไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำหน้ากากอนามัยไปกักตุนเอาไว้ ก่อนนำไปขายต่อทั้งในและต่างประเทศด้วยราคาที่แพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัว
"แน่นอนว่า บุคคลเหล่านี้ ย่อมไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง ต้องมีกระบวนการที่มีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนมีอำนาจในการอนุมัติโควตา รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะแม้รัฐบาลจะมีนโยบาย ห้ามส่งออกไปนอกประเทศแต่ในที่สุดก็ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีการซิกแซกเอาหน้ากากอนามัยไปสต็อกเอาไว้กว่า 200 ล้านชิ้น ซึ่งเป็นการกระทำในลักษณะหากใครมีเส้นมีสาย หรือสนิทสนมกับคนในรัฐบาล ก็สามารถร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการนำสินค้าไปกักตุนได้"
"ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจคนไทยด้วยกันเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับภัยไวรัสโควิด-19 ที่กำลังขยายพื้นที่แพร่ระบาดมากขึ้น เพราะไม่มีหน้ากากให้ประชาชนซื้อหามาใส่ โดยที่รัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่กลับปรากฎว่า มีขบวนการของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิดรัฐมนตรี สามารถนำหน้ากากมากักตุนและนำไปจำหน่ายต่อได้จนสร้างผลกำไรมหาศาล จึงถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีการแสวงหาผลประโยชน์บนสถานการณ์ความเป็นความตายของประชาชน" น.ส.นภาพรกล่าว
น.ส.นภาพร ยังเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเปิดเผย โปร่งใส ไม่ลูบหน้าปะจมูก เพราะต้องไม่ลืมว่า นี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะไม่ยอมทนให้รัฐบาลที่ไร้ความสามารถอยู่บริหารงานอีกต่อไป เพราะเท่ากับว่า นอกจากจะไม่สามารถบริหารจัดการให้ประชาชนมีหน้ากากอนามัยได้สวมใส่อย่างเพียงพอแล้ว ยังกลับมีข่าวว่ามีคนใกล้ชิดรัฐบาลไปเกี่ยวข้องกับการกักตุนเสียเอง หากผู้นำรัฐบาลไม่กล้าจัดการขั้นเด็ดขาด ก็เชื่อว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง จะอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้แม้กระทั่งกองเชียร์ที่เคยเชียร์รัฐบาลนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็ประกาศเลิกเชียร์กันหมด เพราะสถานการณ์รัฐบาลขณะนี้อยู่ในภาวะ “ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ”
'สิระ' หวั่น ไม่รีบจัดการคนโกง เรือเหล็กล่มยกลำ
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าไปตรวจสอบ กรณีมีคณะทำงานของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปพัวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ในขณะที่ ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส โดยจะปล่อยให้เรื่องนี้จบเพียงแค่ ร้อยเอกธรรมนัสแถลงต่อสื่อมวลชน และให้คณะทำงานของตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดีเท่านั้นไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน กระทบใจประชาชนทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความเด็ดขาด จัดการกับคนทุจริตอย่างจริงจัง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากสังคมกลับม
"ต้องกระชากหน้ากาก สาวให้ถึงตัวบงการ ว่าขบวนการทุจริตครั้งนี้ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวนมาก ลำพังแค่เป็นนักธุรกิจมีเงิน มีสายสัมพันธ์อยู่กับคณะทำงานรัฐมนตรี ไม่น่าจะทำงานใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเรื่องนี้พัวพันไปถึงนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องลากคอมาติดคุกให้หมด ถ้านายกฯ ไม่ทำความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะกลายเป็นปมปัญหา ที่ทำให้เรือเหล็กของรัฐบาลล่มยกลำ" นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่ เชื่อในความสุจริต ของนายกรัฐมนตรี และกำลังคาดหวังให้นายกรัฐมนตรี จัดการปัญหาทุจริต ด้วยความเด็ดขาด ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีของพรรคด้วยว่า เข้าไปพัวพันในเรื่องนี้จริงหรือไม่ หากพบมีการทำความผิดต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: