เมื่อเวลา 13.19 น. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการ
จากนั้น ชัชชาติ ได้ร่วมพิธีส่งมอบงานในหน้าที่ โดยมี ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เข้ารับมอบนโยบาย 214 ข้อ โดยเหล่าข้าราชการ กทม.ได้โบกมือ ส่งเสียงทักทาย ชัชชาติ จากระเบียงหน้าต่างของอาคารศาลาว่าการอย่างเนืองแน่น ด้าน ชัชชาติ ได้โบกมือ และยกมือไหว้ทักทายตอบ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
ชัชชาติ กล่าวกับข้าราชการหลังรับมอบนโยบาย ซึ่งอยากให้ข้าราชการเรียกตนว่าอาจารย์ ไม่ต้องเรียกผู้ว่าฯ เพราะจะได้คุ้นเคยกัน อีกทั้งตลอดขีวิตตนเองทำงานเป็นอาจารย์ ส่วนเรื่องการทำงานอยากให้ทุกคนตั้งใจทำงาน รู้หน้าที่และงานของตัวเอง ซึ่งงานหลักที่จะต้องทำคือจะดูเรื่องทุจริต ไม่โปร่งใส ตอนนี้เริ่มมีคนนำชื่อตนไปแอบอ้าง ยืนยันว่าไม่มี ใครจะเอาไปแอบอ้างไม่ได้ทั้งนั้น รวมถึงเรื่องป้ายถ้าจะติดไม่ต้องมีรูปหน้าของตนเอง
ส่วนเรื่องการทำงานหากมีปัญหาหรือข้อสงสัยให้สอบถามและพูดคุยกันโดยตรง เพราะตนไม่ได้เป็นเจ้านายแต่เป็นทีมงานเดียวกัน มีอะไรตัองช่วยกัน พร้อมขอความร่วมมือข้าราชการในการลงพื้นที่แต่ละครั้ง ให้มาเฉพาะคนที่จำเป็นต้องมาทำงาน และย้ำว่าการลงพื้นที่หลังจากนี้จะไปทุกเขตแบบสัญจร ไม่ต้องให้ใครมาต้อนรับ
สำหรับวันนี้ มีการเปิดตัวทีมผู้บริหารกทม. บางส่วน โดยยังไม่รวมที่ปรึกษาทางเทคนิคในเรื่องอื่นๆอีก 30 กว่าราย ประกอบด้วย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
1. รองศาสตราจารย์ ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล
2. จักกพันธุ์ ผิวงาม
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวช
4. ศานนท์ หวังสร้างบุญ
ส่วนคณะที่ปรึกษาผู้ว่า ประกอบด้วย
1. ต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษา
2. ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
3. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก
4. พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์
5. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี
6. ดร.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ
7. อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี
8. ภาณุมาศ สุขอัมพร
9. พรพรหม วิกิตเศรษฐ์
เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ
1. ภิมุข สิมะโรจน์
2. เอกวรัญญู อัมระปาล
3. ศนิ จิวจินดา
4. จิรัฏฐ์ ม้าไว
5. สิทธิชัย อรัณยกานนท์
ทั้งนี้ ชัชชาติ ได้มอบประกาศผลรับรองการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมลงนามในหนังสือมอบหมายงาน
สำหรับส่วนนโยบายเร่งด่วนที่จะทำหลังเข้ารับตำแหน่ง ชัชชาติระบุว่า มีทั้งหมด 4 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน, ทางม้าลาย เรื่องหาบเร่แผงลอย และการสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะเรียกบริษัทกรุงเทพธนาคมเข้ามาพูดคุย
นอกจากนี้ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นงบประมาณปี 2565 ของ กทม.ที่เหลือไม่ถึง 100 ล้านบาท จะจัดสรรงบประมาณอย่างไรให้พอดี ชัชชาติ ระบุว่าไม่กังวลเรื่องงบประมาณ เพราะนโยบาย 214 ข้อ มีหลายเรื่องที่ใช้งบประมาณน้อย สามารถเดินหน้าได้เลย เช่น การใช้แอปพลิเคชัน เป็นช่องทางร้องเรียนให้คนกรุงเทพฯ สามารถเดินหน้าได้เลย ส่วนนโยบายที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสามารถที่จะรองบประมาณปี 2566 ได้ รวมถึง กทม.ยังมีเงินสะสมกว่า 1 หมื่นล้านบาทที่สามารถเบิกเป็นงบฉุกเฉินได้
ส่วนการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชัชชาติ ระบุว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะยังไม่รู้จะคุยอะไร ขอโฟกัสเรื่องงานในท้องถิ่นก่อน เพราะตนได้รับเลือกตั้งให้มาทำงานในท้องถิ่น และหากจะพูดคุยก็จะทำตามลำดับขั้น คือเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ส่วนประเด็นที่มีการเปรียบเทียบรัศมีทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ ยืนยันว่าเป็นมวยคนละชั้น ซี่งตนเองคือระดับท้องถิ่น แต่นายกรัฐมนตรีเป็นระดับรัฐบาลที่บริหารงานทั้งประเทศ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีรอยต่อในการทำงานแน่นอน
และยังฝากถึงข้าราชการ กทม.ที่ทำงานมานาน ชัชชาติ รับประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมในการบรรจุแต่งตั้ง โดยจะเชิญองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นเข้ามาร่วมหารือถึงประเด็นนี้ในสัปดาห์หน้า
ส่วนเรื่องการย้ายศาลาว่าการ กทม.ไปรวมไว้ที่ กทม.2 ดินแดง ยังเป็นแนวคิดที่ตัองตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาข้อดีและข้อเสีย โดยจะต้องมองภาพใหญ่และนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก