ไม่พบผลการค้นหา
‘เรืองไกร’ อดีตสมาชิก พปชร. ให้ข้อมูล กกต. ปม พิธา ถือหุ้นไอทีวี อ้างคำวินิจฉัยศาลรธน. ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อนาคตใหม่ถือหุ้นสื่อ ผิดมาตรา 98(3) ชี้แม้จะได้ถึง 376 เสียงก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ ต่อให้เป็นนายกฯ ก็จะร้องให้พ้นทั้ง ครม.

วันที่ 29 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเดินทางให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อ กกต. กรณีที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ ITV จำนวน 42,000 หุ้น ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการกระทำผิดขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมทั้งขอให้ตรวจสอบ พิธา ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) มาตั้งแต่การสมัครรับเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่ 

โดย เรืองไกร ยังได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2563 ที่มีการวินิจฉัยให้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่นจำกัดอและบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด มีความผิดตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกภาพของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อสิ้นสุดลง และคำวินิจฉัย กกต.ครั้งที่ 1/2564, 2/2564, 3/2564 และ 9/2564 มายื่นประกอบด้วย 

ทั้งนี้ เรืองไกร ยืนยันว่า ตนไม่ใช่นักกฎหมายแต่เป็นผู้ตรวจสอบนักกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง จึงจำเป็นต้องขอให้ กกต. ตรวจสอบย้อนหลังว่า พิธา สิ้นสมาชิกภาพหรือไม่ โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ส่วนกรณีที่ระบุว่า หาก พิธา ขายหุ้นทั้งหมดก็พ้นผิด เป็นกรณีที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด หากมีความผิดก็ต้องผิดตั้งแต่วันที่สมัครจะแก้ด้วยการโอนหุ้นเพื่อพ้นผิดไม่ได้ และเป็นการวินิจฉัยแบบไม่เข้าใจกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2566 ซึ่งครอบคลุมถึงบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย พร้อมย้ำว่า แม้จะได้ถึง 376 เสียงก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ ต่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะร้องอีกครั้งซึ่งอาจจะทำให้พ้นสมาชิกภาพทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) 

เรืองไกร กล่าวอีกว่า กกต. จำเป็นต้องเร่งรัดตรวจสอบ ในส่วนที่หลายคนมองว่าประเทศกำลังเดินหน้า เหตุใดจึงถึงมาร้องเช่นนี้ เรืองไกร กล่าวว่า ประเทศก็เดินหน้าไป คนกระทำความผิดหรือเข้าข่ายถูกตรวจสอบ ก็ต้องทำ